เรื่อง โดย ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา
‘หมาป่าที่ซ่อนอยู่ใต้ขนแกะ’ คือคำจำกัดความของความดุดันที่อยู่ภายใต้หน้าตาธรรมดาแบบ Carrera 964 ทั่วไป แต่พลันที่ได้ยินเสียงคำรามและเห็นมันกระโจนทะยานออกจากพื้นแทรกซ์ คุณจะเข้าใจว่าทำไม่ใครต่อใครถึงหมายปองเจ้า 964 Carrera RS กันนักหนา
ตำนานรหัส RS ของ Porsche นั้นต้องเล่าย้อนไปยาวเพราะผู้พันกันแนบแน่นกับมอเตอร์สปอร์ตมาตั้งแต่ปี 1972 ที่ Porsche สร้าง 911 รหัส RS ล๊อตแรกเพื่อลงแข่งในสนาม และคำว่าRSก็เป็นตัวย่อของคำว่า Rennsport ในภาษาเยอรมันที่มีความหมายเดียวกับคำว่า “racing” นั่นเอง
สำหรับ 964 Carrera RS สี Rubystone Red ปี 1992 คันนี้ผมไปพบรักมันที่อังกฤษ แต่รถจริงๆ เคยถูกจดทะเบียนในอิตาลี เจ้าของเดิมเป็นนักสะสมรถคนหนึ่งของอังกฤษ ที่ดูแลรถคันนี้ไว้อย่างดีมาก ตอนแรกเราตามหากันอยู่หลายคัน แต่ผมชอบสีนี้ และมันเคยเป็นรถที่ลงแทรกซ์มาก่อน ผมคิดว่าอยากจะหารถPorsche ที่มันพิเศษจริงๆ เอามาใช้งานจริง เลยชอบคันนี้ที่สภาพดีแต่ไม่เนี้ยบมาก เพราะผมเป็นคนที่รักการขับรถ
ต้องบอกว่า Carrera RS 964 ปี 1992 เป็นรุ่นปีเดียวที่ไม่มีจำหน่ายในอเมริกา ผลิตออกมาทั้งหมด 2,282 คันซึ่งแยกออกเป็นรุ่นย่อย 3 รุ่น ได้แก่ RS N-GT ที่มีเพียง 290 คัน ตั้งใจจะทำมาเพื่อเข้าแข่งขัน ให้ผ่าน HOMOLOGATE ในการเข้าแข่ง group N GT-Class และมีขายที่เยอรมนีเท่านั้น แต่สุดท้ายรายการแข่งก็ยกเลิก รถก็เลยถูกขายต่อไปตามดีลเลอร์ต่างๆ ส่วน RS Touring ที่มี 76 คัน ซึ่งเป็นรถที่ยังมีความสะดวกสบายครบครันอยู่ พวกวิทยุ เซ็นทรัลล็อค พวงมาลัยเพาเวอร์ เพิ่มออพชั่นพวกกระจกไฟฟ้า แอร์ ซันรูฟยังได้เลย อันนั้นก็สำหรับคนชอบสบาย และมาถึงเจ้า RS Lightweight แบบของผมที่ผลิตเพียง 1,916 คัน และรุ่นที่เป็นพวงมาลัยขวาแบบคันนี้นั้นมีเพียง 72 คันทั่วโลก
ความตั้งใจของ Porsche ที่ผลิต RS Lightweight ออกมาก็เพื่อให้เจ้าของรถสามารถขับมันใช้งานในชีวิตประจำวันได้ และวันไหนอยากสนุกก็สามารถขับมันไปลงสนามแข่งได้เลย ไม่ต้องพึ่งรถยกรถลากมาเอาไป ตัวรถภายในจึงถูกติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการแข่งขันไว้พร้อม อาทิ เข็มขัดนิรภัยแบบ 5 จุด โรลบาร์ เครื่องดับเพลิงที่วางอยู่บนพื้นด้านข้างคนขับ ภายในตัวรถแทบไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเลย ไม่มีเบาะหลัง ไม่มีวัสดุซับเสียง ไม่มีแอร์คอนดิชั่น กระจกไฟฟ้า หรือวิทยุแม้แต่ปุ่มล็อกประตูยังใช้เชือกดึงเพื่อความเบา แผงข้างเป็นแผ่นเรียบไม่มีช่องเก็บของใดๆ ใช้เบาะ RECARO หุ้มหนัง (แต่ถ้าเป็นตัว NGT จะเป็นผ้ากันไฟ) พวงมาลัยไม่มีแอร์แบ็ค มีตัวตัดไฟในฝากระโปรงหน้า เรียกว่าขับมาถึงสนามก็ให้กรรมการตรวจสภาพได้เลย
เวลาเห็นรถคันนี้ถ้าไม่ใช้แฟนพันธุ์แท้จริงๆ จะแยกไม่ออกระหว่างรุ่นธรรมดากับ RS ผมไม่รู้ว่าเป็นความจงใจของ Porsche แต่แรกหรือเปล่าที่ทำรถออกมาแบบนี้ อย่างล้อแม็กของ 964 Carrera RS ตัวนี้ก็ลายเดียวกับรุ่นธรรมดา แต่ว่าวัสดุมันคือแมกนีเซียมที่มีน้ำหนักเบามากที่เสริมขอบแบบพิเศษ เพื่อกันลมยางอ่อนแล้วยางหลุดออกจากล้อแม็ก เพื่อการลดลมยางเวลาวิ่งในแทร็ค
โครงสร้างของตัวรถในรุ่น 964 ธรรมดาใช้การเชื่อมแบบ spot แต่ RS ใช้รอยเชื่อมยาวที่ให้ความแข็งแรงมากกว่า ที่สำคัญน้ำหนักของรถมันลดลงไปมากจาก 1,350 กิโลกรัม เหลือ 1,220 กิโลกรัมในรุ่น RS ลดไปตั้ง 130 กิโลกรัม ซึ่งมาจากการเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าเป็นอลูมีเนียม และไม่มีช็คอัพค้ำฝากระโปรง ฟ็อกไลท์ไม่มี ฉีดน้ำไฟหน้าไม่มี ปัดน้ำฝนหลังไม่มี กระจกมองข้างป็นแมน่วล กระจกบังลมรอบคันใช้กระจกบางลงที่เรียกว่า TINTGLASS มีความหนาเพียง 3 มิลลิเมตร จากปกติ 4.7 มิลลิเมตร (ยกเว้นบานหน้าเพื่อความปลอดภัย) ไม่มีการพ่นบอดี้ชู้ดข้างล่างด้วยนะ ส่วนกันชนหลังแบบลดน้ำหนักจะมีลักษณะคล้ายรุ่นเทอร์โบ
แม้จะมีความจุกระบอกสูบที่เท่ากัน และมองเผินๆ เหมือนเครื่องบล็อกเดียวกัน แต่เครื่องยนต์และเกียร์ที่วางใน 964 RS คันนี้ก็เป็นคนละตัวกับ Carrera ธรรมดา เพราะคันนี้ใช้เครื่องยนต์รหัส M64/03 3.6 ลิตร (รุ่นธรรมดา M64/01) มีการปรับปรุงข้อเหวี่ยง ลูกสูบ และการบาลานซ์เครื่องที่ดีกว่า รวมทั้งการเปลี่ยนมาใช้ Single mass flywheel ที่มีน้ำหนักเบาเพียง 12 ปอนด์ ทำให้ 964 Carrera RS มีแรงม้าเพิ่มจากเดิม 250 เป็น 260 แรงม้า และระบบเกียร์ที่ปรับอัตราทดให้ต่อเนื่องมากขึ้น พร้อมลิมิเต็ดสลิป
ฟังดูแบบนี้หลายคนอาจจะรู้สึกว่ามันไม่ได้แรงขึ้นมามายอะไร แต่สำหรับผมในฐานะคนที่ได้ลองขับ Porsche มาเกือบทุกรุ่น ผมว่า 964 Carrera RS คันนี้มีเสน่ห์ในตัวเองของมัน คือน้ำหนักเบา แรงม้าต่อน้ำหนักที่ดีมาก กับความรู้สึกดิบๆ แบบรถแข่งที่หาได้ยาก รอบเครื่องยนต์จะดีดขึ้นมาเร็วมากเวลากดคันเร่ง ขนาดตอนแรกผมจะเอาไปติดแอร์ แต่พอมาเจอฟีลลิ่งนี้แล้วชอบมาก ไม่อยากจะไปเพิ่มน้ำหนักอะไรให้ตัวรถอีกเลย
ช่วงล่างของ 964 Carrera RS นั้นใช้บูชเบอร์พิเศษที่ช่วยให้ตัวรถเฟิร์มขึ้น เบ้าช็อคอัพเป็นเหล็ก ใช้ช็อคอัพ Brillstein กับสปริงที่สั้นกว่าทำให้ตัวรถเตี้ยกว่า 4 เซนติเมตร. กันโคลงหน้าขนาดใหญ่ปรับได้ 5 ระดับ ด้านหลังปรับได้ 3 ระดับ แพหลัง trailing Arm ก็ยังสามารถเพิ่มแผ่นชิมเพื่อปรับมุมโทล้อหลังได้ถึง 3 มิลลิเมตรเพื่อตั้งศูนย์ล้อให้เหมาะกับการขับ
ระบบเบรกของ 964 Carrera RS ก็เอาของ Carrera Turbo มาใส่ ซึ่งจะมีจานเบรคแบบมีการเจาะรูระบายความร้อนทั้งหน้าและหลัง
ปกติผมไม่ได้ใช้ 964 Carrera RS คันนี้ทุกวัน เพราะเป็นหนึ่งในรถที่ผมรัก จึงต้องวานคนที่มีความเชี่ยวชาญให้ช่วงดูแล ผมโชคดีที่ได้คุณอาร์ม– รุ่งโรจน์ นาคสุข จาก 911 Assistant มาช่วยเป็นที่ปรึกษาทุกเรื่องเกี่ยวกับ Porsche ให้ เราทั้งคู่มีความชอบ Porsche ในแบบเดียวกัน คือชอบการแต่งรถให้เป็นออริจินัลแบบเดิมๆ เหมือนวันที่มันออกจากโรงงาน พอทราบว่าต้องเอา 964 Carrera RS มาขึ้นปกใน GT Porsche ทาง 911 Assistant ก็ช่วยเหลือเต็มที่ด้วยการนำเจ้า 964 RS Rubystone คันนี้ขนมาในรถสไลด์ออนอย่างดีแต่เช้าตรู่
เราเลือกวิวของทะเลสาปเมืองทองธานีตอนเช้า ที่แดดอ่อนๆ เพราะสำหรับ 964 Carrera RS คงไม่มีพื้นที่ไหนจะเหมาะกับมันเท่ากับพื้นที่กว้างๆ หรือถนนโล่งๆ ที่ทอดยาวราวกับจะมุ่งไปตรงไปไม่สิ้นสุด ทันทีที่ล้อของ 964 Carrera RS ได้เลื่อนลงมาแตะพื้นถนนด้านล่าง ความรู้สึกบางอย่างก็เข้าครอบคลุม มันเหมือนหมาป่าที่ได้กลับคืนสู่ทุ่งหญ้าที่มันเคยยิ่งใหญ่ สี Rubystone ของ 964 Carrera RS เมื่อต้องกับแสงอาทิตย์อ่อนๆ นั้นดูสดใสเป็นประกาย เหมือนดอกคาร์เนชั่นที่อยู่กลางทุ่ง ผมบิดกุญแจสตาร์ทเพื่อฟังสุ้มเสียงที่คุ้นเคย แล้วจึงค่อยผลักเกียร์เดินคันเร่งวิ่งวนเบารอบๆ บึงน้ำก่อนเป็นการอุ่นเครื่อง
หลังจากนั้นจึงเป็นเรื่องของหัวใจผมและหัวใจขนาด 3.6 ลิตรของ 964 Carrera RS ที่จะเต้นไปพร้อมกัน ผมกดคันเร่งเต็มเท้าแล้วดันเกียร์หนึ่งปล่อยคลัชต์ให้ตัวรถพุ่งกระโจนออกไป ระยะทางราว 300-400 เมตรที่เกือบเท่าควอเตอร์ไมล์พอดี 964 Carrera RS พึ่งจะดันขึ้นเกียร์ 3 ก็เกือบสุดทางตรงแล้ว ผมเตะเบรคเบาๆ ก็บังคับมันหักเลี้ยวหลบกลับมาตั้งลำเตรียมพร้อมจะชาร์จใส่โค้งต่อไป นี่แหละคือความรู้สึกของ Wolf in sheep’s clothing ใน 964 Carrera RS เป็นหมาป่าที่ปราดเปรียวที่พร้อมจะลัดเลี้ยวไปตามการควบคุมของเรา
Leave a Reply