911 REPLICA TO 1973 2.8 RSR

.

“ผมพยายามทําคันนี้ให้เหมือน PORSCHE 2.8 RSR ตัวแข่งระดับตํานานในปี 1973 ให้ได้มากที่สุด ด้วยพาร์ทที่เป็นมิติเหมือนกับตัว Original ทุกประการ องค์ประกอบต่างๆ จะเป็นการ Customized พิเศษ เพื่อให้สมจริงมากที่สุด”

.

ครั้งแรกที่มีโอกาสเห็น “Completely RSR Look” คันนี้ รู้สึก “ว้าว” สุดๆ ด้วยความ Classic รวมไปถึงล้อ Fuchs สุดสวย จะต้องสุดใจแน่ๆ แต่เชื่อไหมครับ ว่ากว่าเราจะติดต่อขอ “พี่ต่าย” ล่องลม บุนนาค ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย แต่ด้วยความตั้งใจของเราที่แจ้งไป ว่า “ต้องการเป็นวิทยาทาน ว่า PORSCHE Classic คืออะไร” เลยได้ทราบรายละเอียด “ความพิเศษ” ของ PORSCHE 911 2.8 RSR คันนี้ มาเล่าสู่กันฟัง จากการรวมตัวในนามของ R GRUPPE Thailand และในครั้งนี้ เราก็เหมือนได้พบเจอเพื่อนเก่าอีกครั้ง ที่ยังคงความหล่อเหลาดังวันวาน

.

“รถคันนี้จริงๆ ผมทําขึ้นมานานประมาณ 15-16 ปี แล้ว สําหรับ Inspiration ในการสร้างต้องย้อนไปประมาณปี 2002 ผมได้มีโอกาสไปทัวร์ต่างประเทศ ไปดูงาน Car Show ก็ได้เห็น PORSCHE RSR ตัวจริง แล้วรู้สึกประทับใจมากๆ ด้วยรูปลักษณ์ทรวดทรงที่ดุดันต่างจากรุ่นปกติ เสียงเครื่อง ความแรง ที่บอกกับตัวเราว่าต้องการแบบนี้ พอกลับเมืองไทยในตอนนั้นก็จะมีกลุ่มคนบ้า PORSCHE Horn Grill หลักๆ 3 คน คือ ผม, คุณเต้น, คุณบุรินทร์ ที่คิดว่าทําไมเราต้องขับรถเดิมๆ เหมือนกันด้วยล่ะ? แต่ละคนมาโมดิฟายปรับแต่ง 911 Horn Grill ในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนดีกว่า ก็เลยเป็นจุดเริ่มในการแต่ง 911 Horn Grill ในรูปแบบต่างๆ ขึ้นมา”

.

“ผมพยายามสร้างให้เหมือน 2.8 RSR ตัวแข่ง FIA Group 4 Regulation ปี 1973 ให้ได้มากที่สุด ถ้าจะให้เล่าถึงเรื่องราวของ 2.8 RSR ในปีนั้น จะเป็นเครื่องยนต์ 2.8 Twin plug ระบบหัวฉีดแบบกลไก ระบบลิ้นเร่งแบบ High Butterfly Throttles ปากแตรยาว มีแรงม้าถึง 300 hp! ส่วนใน Generation2 จะออกมา ในปลายปี 1973-1974 อัปเกรดเครื่องยนต์เป็น 3.0 ลิตร ระบบลิ้นเร่งเปลี่ยนเป็น Slide Throttles (ลิ้นสไลด์) มีแรงม้าสูงสุดถึง 340 hp!!!

.

“จริงๆ ผมก็มีเครื่อง 3.0 RSR แท้อยู่โดยได้รับช่วงต่อมาจาก น้าแมน มานิตย์ นักแข่งรถสุดเก๋ระดับตํานานของไทยที่สนิทกันเป็นการส่วนตัว น้าแมน เคยแข่ง Carrera 3.0 RSR ตอนอยู่อเมริกาแล้วก็เอาเครื่องกลับมาด้วย ด้วยความกรุณาส่งต่อเครื่องตัวนี้มาให้ผม แต่ไม่ได้ใส่ เพราะมันเดินเบาติดแอร์ไม่ได้ เลยเก็บรักษาไว้และทําเครื่องตัวใหม่มาใส่แทน”

.

“สําหรับเครื่องยนต์ของคันนี้จะเป็นรุ่น 3.2 ลิตร Twin Spark แต่โมดิฟายเพิ่มในสิ่งที่เราอยากทํา โดยช่างไทยระดับตํานาน ฝาสูบปรับแต่งใหม่โดย “พี่เสน่ห์ ทองโชติ” ซึ่งเป็นช่าง TRD รุ่นหนึ่งของเมืองไทยที่อยู่กับ “พี่ประโยชน์” แห่งอู่ MIDWAY ซึ่งตอนนั้นเป็นตัวแทนจําหน่าย TRD เจ้าแรกในประเทศไทย การโมดิฟายจะขยายวาล์วเพิ่มขึ้น 1 มม. คาร์บูเรเตอร์ PMO ขนาด 50 มม. ชุดไฟจุดระเบิด CRANE CAM Fireball Hi-6 CDI ส่วนไส้ในอัปเกรดใหม่เป็น 3.4 ลิตร ลูกสูบ MAHLE โอเวอร์ไซซ์ขนาด 98.0 มม. ก้านสูบ CARILLO ทําให้เครื่องเปลี่ยนนิสัยเป็น แบบ Over Square หรือ Short Stroke ที่ทําให้รอบ “จุด” มากๆ แคมชาฟต์เป็นของ Jerry Woods Enterprise ซึ่ง Jerry เป็นช่างที่ประจําทีมแข่ง PORSCHE ในอเมริกา โชคดีที่ตอนนั้นผมมีโอกาสเจอเขา คุยกันถูกคอเขาก็แนะนําให้เราได้รู้ข้อมูลและแนวทางของ RSR จริงๆ ทําแล้วไม่หลงทาง เฮดเดอร์จาก 3.0 RSR แท้ ปลายเป็นแบบ Megaphone หรือ ปากแตร”

.

“ในส่วนของเกียร์ ผมใช้เกียร์ G50 5 สปีด ของ 911 GSeries ปี 1987-1989 รุ่นสุดท้ายของ SC และ 930 ที่อัตราทดต่อเนื่องและชิดกว่า 4 สปีด ผมโมดิฟายเปลี่ยนอัตราทดตามที่ต้องการ แต่ต้องใช้ Short Bell Housing หรือตัดหัวหมูให้สั้นลง เพราะจุดยึดในตําแหน่งห้องเครื่องและแท่นเกียร์ รวมถึงจุดยึดช่วงล่างของรถรุ่นที่ไม่ได้ใช้เกียร์ G50 นั้นจะไม่เหมือนกัน จึงต้องตัดหัวหมูเพื่อให้ตําแหน่งเกียร์ลงได้อย่างเหมาะสม

.

“ส่วนคันเกียร์ ผมจะ Customized ย้ายตําแหน่งมาใกล้มือ จากเดิมที่คันเกียร์ จะอยู่ด้านหน้าเยอะเพราะดีไซน์สําหรับฝรั่งแขนยาวๆ ต้องโมดิฟาย Linkage ปรับระยะTravel ให้สั้นลง ทําให้การเข้าเกียร์กระชับและ นุ่มนวล แม่นยํากว่าเดิมมาก เป็นฝีมือของช่างวัส SIAM 911 ชุด คลัตช์เป็นของ SACHS Racing Aluminum”

.

“ระบบช่วงล่างยังคงเป็นระบบ Torsion Bar อัปเกรดอุปกรณ์ ต่างๆ ของ ELEPHANT RACING โช้คอัพ BILSTEIN Sport ตรงยุค เบรกเป็น 930 Turbo ที่ไม่ใส่หม้อลมเบรก เพราะคันนี้ทําไว้กึ่งวิ่ง Track ด้วยความที่เบรกมันดี และรถน้ําหนักเบาประมาณ 1 ต้น ถ้าใส่หม้อลมจะทําให้ล้อล็อกได้ง่าย ควบคุมลําบาก”

.

“สําหรับสิ่งพิเศษในคันของผม คือ ชุดพาร์ทคันนี้จะเป็นมิติเดียวกันกับ 2.8 RSR แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในตอนนั้นสามารถหาได้ เลยทําให้คันนี้มีความเหมือน Original มากที่สุด ส่วนที่โดดเด่นก็คือ ล้อ Fuchs ที่ไม่เหมือนใคร เพราะเป็นการ Customized จากคนเยอรมันที่ไปอยู่ในอเมริกา ผมทําไว้ 2 ชุด โดยการซื้อล้อ Fuchs 15 นิ้ว ทั่วๆ ไป ที่ตอนนั้นยังมีขายอยู่เยอะ ส่งไปให้เขาทําเป็นขนาด 9x 15 นิ้ว และ 11 x 15 นิ้ว ผมมีอยู่ 2 ชุด และไม่มีใครมีล้อแบบนี้ได้อีก เนื่องจากคนเยอรมันคนนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว”

.

“ส่วนยางเป็น MICHELIN TB15 ซึ่งเป็นยางแข่งสุดคลาสสิก ตรงรุ่น 3.0 RSRและLAMBORGHINI COUNTACH ซึ่งยางชุดนี้ ผมใช้วิ่งถนนจริง แข่งจริง ขับจากหาดใหญ่ไปแข่งที่ Sepang มาเลเซีย ไปทัวร์เล่นกัน และขับกลับหาดใหญ่ รวมไปถึงการขับระหว่าง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ อีกหลายครั้งมากๆ สําหรับยางรุ่นนี้ ปัจจุบันก็จะมีผลิตอยู่โดยโรงงานจะผลิตในรอบ 18 เดือน/ครั้ง (1 ล็อต) ซึ่งราคาตอนนี้ก็สูงมากถ้าเทียบกับตอนที่ผมได้มาในอดีต”

.

“ในส่วนของภายใน สิ่งพิเศษก็คือเบาะนั่งเป็นของ RSR เนื่องจากเบาะคู่นี้ทําจากโรงงานในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งผลิตเบาะให้กับ RSR ส่วนเบลท์ของ REPA เป็นของ NOS (New old stock) แท้ๆ สองอย่างนี้ยกเครดิตให้กับ คุณบุรินทร์ ที่ส่งต่อมาให้ พวงมาลัยเป็น ของ MOMO MONZA ตรงยุค เกจ์วัด VDO ทั้งหมด ส่งไปปรับแต่งและซ่อมบํารุงกับ SPEEDOMETER SERVICE ใน North Hollywood, USA สามารถใช้ได้ทั้งหมดวัดรอบ 10,000 rpm เพราะเราเปลี่ยนเกียร์ที่ 8,000-8,500 rpm ซึ่งเรากําหนดสเปกไปว่าใช้ชุดจุดระเบิดแบบ Twin Spark พร้อม CDI ของ CRANE CAM ที่เราใช้อยู่ เพื่อโมดิฟายกลไกภายในให้รับกันขึ้นตรงและไม่ช็อต”

.

มาถึงตรงนี้แล้ว ก็ไม่แปลกใจที่พี่ต่ายจะจัดเต็มในด้านข้อมูล ของเจ้า 2.8 RSR Replica ที่เราเองก็รู้สึกที่งในข้อมูลมุมที่เราก็ไม่เคยทราบมาก่อน ซึ่งคันนี้ก็ถือว่าเป็น PORSCHE Classic ใน “ตํานานจริงที่ยังวิ่งได้เสมอ” ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พี่ต่ายเผยความในใจกับการ รักและหลงใหล PORSCHE Classic ด้วยเหตุผลที่ยากจะปฏิเสธ…

.

“คันนี้ผมรักมันมากๆ เลยนะ ผมถือว่ารถที่อุตส่าห์ลงแรงแต่งไป ผมต้องขับมันได้!! ตั้งแต่ทํามา ผมขับไปกว่า 20,000 กม. แล้ว ขับตลอดถ้ามีโอกาส ขับเที่ยวชิลชิล ขับแข่ง PORSCHE Track day นี่ไม่เคยพลาด รวมถึงขับข้ามประเทศไปถึงสนามเซปังฯ มาเลเซีย ซึ่งรถก็ไม่เคยมีปัญหาจุกจิกระหว่างทางเลย เลยรู้สึกว่า PORSCHE สร้างรถที่ดูง่ายๆ แต่ทนทาน รวมไปถึงสมรรถนะและเทคโนโลยีที่สูงมาตั้งแต่ในอดีต รวมถึงความประทับใจในเพื่อนๆ กลุ่ม R GRUPPE ที่ช่วยเหลือ กันมาโดยตลอด ทําให้รู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยว เพราะมีคนชอบและคลั่งไคล้ PORSCHE Classic เหมือนกันกับเรา”

.

Share