911S Targa – TANGERINE DREAM

TANGERINE DREAM

911S Targa คันนี้ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่อย่างปราณีต และภูมิใจนำเสนอถึงประวัติความเป็นมาผ่านสีสัน ราวกับเป็นงานศิลปะที่มีชีวิตชีวา

ALL CHANGE

911S ได้รับการเปิดตัวในปี 1967 โดยเป็นส่วนหนึ่งของปรับรุ่นการผลิตใหม่ ซึ่งวางพื้นฐานให้กับ 911L มีเครื่อง 130 แรงม้า ในขณะที่ 911T รุ่นเริ่มต้นมีกำลังเพียง 110 แรงม้า ซึ่งเป็น 911 ที่มีกำลังน้อยที่สุดตั้งแต่ผลิตมา ในทางตรงกันข้ามรุ่นที่ได้รับ S ต่อท้าย ได้สวมล้ออัลลอยด์ Fuchs 5 ก้านเป็นครั้งแรก และมีเครื่อง 160 แรงม้าด้วยการพัฒนาเครื่อง flat-6 ที่เคยใช้ในรถแข่ง 904 และ 906

คุณจะอยู่ฝั่งไหนระหว่างการอนุรักษ์หรือการฟื้นฟูสภาพ ? ถ้าพูดถึงการชุบชีวิตใหม่ให้กับ PORSCHE คลาสสิก Chris Knowles มีความเห็นว่าของเดิมนั้นคือที่สุด มันเป็นความมุ่งมั่นของเขาที่จะรักษาองค์ประกอบเดิมเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการฟื้นฟูสภาพรถที่มีสภาพแย่ ส่งผลให้ 911 S 2.4 Air-Cooled ได้รับการชุบตัวใหม่ด้วยความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญอย่าง Autofarm “แฟนๆของแบรนด์ทุกคนต้องการให้ PORSCHE นั้นดีที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้เขากล่าวแต่ในความเป็นไปได้ การฟื้นฟูสภาพไม่ควรแลกด้วยประวัติศาสตร์ของรถคันนั้น บ่อยครั้งที่การใช้ชีวิตที่ผ่านมาของ PORSCHE คลาสสิกทำให้มันดูน่าสนใจ ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมฉันถึงแน่วแน่ในการอนุรักษ์มากกว่าฟื้นฟู

แน่นอนว่าเขาไม่ได้เรียกร้องว่าจะต้องเก็บไว้แบบที่มันเสียหายแต่ถ้าเป็นไปได้จะปรับปรุงของแท้ที่ติดมากับรถที่เขากำลังทำงานอยู่เขาจึงต้องใช้เวลาค่อนข้างมากกว่าทางเลือกอื่นที่สามารถทำได้เร็วกว่า (และอาจจะถูกกว่า) ด้วยการซื้อชิ้นส่วนทดแทนใหม่สำหรับบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับการฟื้นฟูสภาพ PORSCHE แล้ว Chris คือลูกค้าในฝัน” Mikey Wastie หุ้นส่วนของ Autofarm และหัวหน้าโครงการ 2.4 ยิ้มอย่างพึงพอใจโลหะสามารถถูกโยนทิ้งและสร้างใหม่มาแทนที่ได้ แต่ห้องโดยสารของรถคือสิ่งที่คุณจะได้สัมผัสถึงประวัติศาสตร์ที่แท้จริง สิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริงใน 911 S ของ Chris ที่บรรดาเฟอร์นิเจอร์จากโรงงาน พรม เบาะ ที่บังแดด แผงประตู ผ้าหลังคา และพวงมาลัย ถูกเก็บรักษาไว้เป็นของเดิมทั้งหมด มันเป็นกลิ่นของรถปี 1972 ไม่ใช่ปี 2017 ที่พวกเรากำลังทำกันอยู่

Chris มีประวัติที่ยาวนานในการทำรถคลาสสิกพอกันกับที่เขาเป็นเจ้าของรถเจ๋งๆ อย่าง 911S ที่ฟื้นฟูมาจอดอยู่ข้างๆ 993 Turbo ที่ไมล์น้อยมาก กับ 924 Carrera GT (ก่อนหน้านี้เป็นของสมาชิกวง McAlpine ที่มีชื่อเสียง) และจนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ 3.2 Carrera Clubsport ที่หายาก เป็นหนึ่งเดียวที่พาเขาไปสู่การตัดสินใจที่เด็ดขาด “911E คือ PORSCHE คันแรกที่มอบความสนุกบนท้องถนนให้กับฉัน แต่ระบบช่วงล่างไฮดรอนิวเมติกส์ที่ปรับเองได้นั้นไม่เหมาะสมสไตล์การขับขี่ของฉัน นอกจากนั้นยังเหมือนมีค้อนมาทุบไปที่กระปุกเพื่อเอาเงินของฉัน ในระยะเวลาไม่นานหลังจากที่ชื่อของฉันปรากฏเป็นเจ้าของในสมุดประจำรถเขาหมายถึงการจ่ายค่าประกันภัยด้วยค่าใช้จ่ายที่มากกว่าสามเท่าของรถทั่วไป กระจกของรถและความโชคร้ายของไก่ฟ้ากามิกาเซ่สองตัวที่พุ่งมาใส่กระจกบานหน้าของ 911 ด้วยความเร็วสูง ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมันเกินกว่าความคุ้มครองที่กำหนดไว้ และเขาต้องถูกบังคับให้จ่ายค่าแรงในการเปลี่ยนกระจกนั้นเอง เขาเกิดความกังวลว่าค่าใช้จ่ายจากการเป็นเจ้าของรถ PORSCHE นี้จะกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาจึงขายมันและไปซื้อ BMW

RAY OF SUNSHINE

เวลาเป็นตัวเยียวยาที่ยอดเยี่ยมเมื่อเขาเลียบาดแผลบนกระเป๋าเงินของเขาเรียบร้อย Chris ก้าวเท้าเข้ามาสู่โลกอันมหัศจรรย์ของการเป็นเจ้าของ PORSCHE อีกครั้งในช่วงระยะเวลาหลายปีที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในดูไบ 933 Carrera4 Cabriolet เป็นตัวเลือกที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุดที่ทำให้เขาเพลิดเพลินไปกับการขับขี่ที่สนุกสนานในสภาพอากาศที่อบอุ่นบนเส้นทางลาดยางที่เต็มไปด้วยทะเลทรายของที่นั่น ต่างจาก 911E, 993 ที่ได้รับการยกย่องในด้านดีส่งผลให้เกิดความพึงพอใจกับนักบินของสายการบินพาณิชย์มันเป็นรถที่ยอดเยี่ยมมากจากความช่วยเหลือของระบบส่งกำลังแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่ไม่กี่ปีต่อมาฉันก็ต้องแยกทางกับ PORSCHE ที่สวยงามคันนั้น เพื่อย้ายไปฝรั่งเศส และฉันก็มี Carrera 3.2 เข้ามาในเส้นทางของฉัน และก่อนที่ฉันจะย้ายกลับมาที่อังกฤษ ฉันได้ซื้อ 993 Turbo ที่ฉันเป็นเจ้าของในทุกวันนี้

คอลเลกชั่น Coupe ในโรงรถของเขา ยังขาดการกลับมาของ PORSCHE ที่เปิดโล่งที่สร้างความรู้สึกพิเศษ แม้ว่า 911S Targa ก็ให้อารมณ์แบบนั้นได้เช่นกัน จากเดิมรถคันนี้ไม่ได้ตั้งใจว่าจะอยู่กับ Chris ในระยะยาวมันเป็นหนึ่งในตัวเลือก PORSCHE คลาสสิกที่ฉันนำเข้ามาอังกฤษจากสหรัฐอเมริกา มันเป็นส่วนหนึ่งของการตกลงธุรกิจที่ผิดพลาดเขาเผยความคิดคือการซื้อรถยนต์ที่ต้องการจากทั่วทุกที่ที่เขาไปทำงานและพามันกลับอังกฤษ พวกมันจะถูกสร้างใหม่ในทุกจุดเพื่อเสนอขายในสภาพดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ น่าเสียดายที่บุคคลที่ฉันร่วมหุ้นด้วยนั้นเขาไม่ทำตามข้อตกลง ซึ่งส่งผลถึงงานอื่นๆ ที่คิดว่าจะร่วมงานกันอีกหลายครั้ง ไม่เพียงเท่านั้น มันยังทำให้ฉันขาดทุนมหาศาล ฉันพบว่าฉันอยู่ในตำแหน่งของเจ้าของผลงาน PORSCHE ที่นำเสนอออกมาไม่ดี หากมีด้านบวกที่จะดึงออกจากสถานการณ์แบบนี้ มันต้องมีการฟื้นฟูโดยการส่ง Targa ไปอยู่ในความดูแลของ Mikey ที่ Autofarm ที่ซึ่งแปรสภาพรถคันนี้เป็นสีส้ม Tangerine อย่างทุกวันนี้

จากสภาพตอนแรกที่มันมีสีดำที่หยาบกร้านออยคูลเลอร์ที่ดูเหมือนเอามาจากรถแทร็คเตอร์โป่งล้อที่ดูไม่เข้ากันกันชนสภาพเยินเบาะนั่งแบบรถลีมูซีนกับพวงมาลัย MOMO ปลอม ปลายท่อไอเสียแบบ 4 ท่อ ล้อที่ไม่ตรงรุ่น ไฟและเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ของภายนอก ถูกเลือกมาแบบสุ่มๆ เพื่อใส่ให้กับ 911 Air-Cooled ในตำนาน มันคงเป็นการง่ายที่จะล้มเลิกอย่างง่ายดายกับรถที่แทบไม่มีอะไรเหลือให้ชื่นชมเหมือนกับตอนที่มันออกมาจากโรงงานในวันที่ 14 สิงหาคมปี 1967 อย่างไรก็ตาม มันยังมีข้อดีคือเป็น PORSCHE ที่มีการติดตั้งกระจกหลังพลาสติกแบบพับเก็บได้และป้าย Targa จากสายการผลิตของโรงงาน ก่อนที่จะมีการพัฒนาเป็นหลังคาแข็ง ทำด้วยกระจก หรือหลังคาแก้วที่พวกเรานึกถึงส่วนใหญ่เมื่อพูดถึง Targa ในยุคปัจจุบัน

  กระจกบานหลังแบบตายตัวเป็นออพชั่นสำหรับ Targa ในปี 1968 และก็เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในปีถัดมาความสงสัยของเราคือรถถูกส่งกลับไปยังตัวแทนจำหน่ายเพื่อติดตั้งกระจกหลัง” Mikey กล่าวรถคันนี้ออกจากโรงงานด้วยผ้าใบตรงกระจกหลังแบบพับได้อย่างแน่นอน โดยสังเกตได้จากช่องว่างสำหรับพับเก็บที่เราเห็นมันเมื่อทำการรื้อชิ้นส่วนของซุ้มล้อออกในนาทีนั้น Chris ต้องเผชิญกับคำถามที่น่าสนใจว่าเขาควรเก็บกระจกที่ติดมาตลอดช่วงชีวิตของมันไว้ หรือควรคืนค่าเป็น 911 ที่มีหน้าต่างบานหลังแบบอ่อนในความคิดฉันคิดว่ามันควรกับไปเป็นรูปแบบเดิมของโรงงานเขาให้เหตุผลมันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าการจากการพิจารณาในหลายแง่มุม รถคันนี้ก็ไม่สามารถกลับสู่สภาพดั้งเดิมได้   

เขาอ้างถึงเครื่องยนต์คันนี้ที่เริ่มต้นชีวิตด้วยเครื่อง 2.0 ลิตรกับคาร์บูเรเตอร์ 3 ตัว ก่อนที่มันจะถูกขยายไปเป็น 2.4 ลิตร ในช่วงเวลาที่มันซิ่งอยู่ในแคนาดา Chris ได้ติดตามประวัติของ Targa ของเขานับตั้งแต่ออกจากโรงงานผลิต (และถูกส่งไปยังต่างประเทศ ก่อนที่จะถูกขายโดย Erhard Motor ในดีทรอยต์,รัฐมิชิแกน) และช่วงหลังก็อยู่ในโตรอนโต จนกระทั่งเขานำมันกลับมาอังกฤษในปี 2013 “ฉันตามจนทราบว่าเจ้าของคนก่อนนั้นชื่อ William Hirst เพราะฉันค้นพบว่ามีใบเสร็จรับเงินชื่อเดียวกันนี้ตอนที่รื้อรถทั้งคันเพื่อจะทำการบูรณะเขาบอกกับเราถึงความโชคดีที่รวมถึงข้อมูลจาก PORSCHE Club of America และสมาคมรถโบราณแห่งแคนาดา ที่ช่วยยืนยันว่า Targa เคยเข้าร่วมการแข่งขันโดย Hirst จึงเป็นที่มาในการปรากฏของเบาะบักเก็ทซีท โป่งซุ้มล้อที่ใหญ่ขึ้น และเครื่องยนต์ที่ได้รับการโมดิฟายระบบจุดระเบิดและชุดท่อไอดี ซึ่งตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วยชิ้นส่วนเดิมตามมาตรฐานของ PORSCHE ตั้งแต่เมื่อโครงการเริ่มดำเนิน และแม้ว่า Flat-6 ได้รับการสร้างใหม่อย่างสมบูรณ์ Chris ก็ยังตัดสินใจที่จะเก็บไว้ให้เป็น 2.4 (การเปลี่ยนแปลงนั้นเกี่ยวข้องกับกระบอกสูบ ลูกสูบ ก้านสูบ และเพลาข้อเหวี่ยง) ซึ่งมันก็เป็นสีสันแห่งประวัติศาสตร์

 

TO THE LAST DETAIL

โครงการนี้เริ่มต้นอย่างจริงจังในปี 2017 ทั้ง Mikey และ Chris รู้สึกยินดีที่ได้พบมัน ภายใต้โครงสร้างที่โค้งมนเหล่านั้นมันมีความแข็งแรงอย่างน่าประหลาดใจ ในขั้นตอนทำสี (เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงกำจัดสิ่งสกปรกที่ฝังแน่น ตามด้วยเครื่องมือเตรียมพื้นผิวที่ไม่ทำลายตัวถัง) เผยให้เห็นถึงสนิมที่ซ่อนอยู่ แต่โดยรวมแล้วรถคันนี้ยังอยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยม ตามด้วยการขึ้นแท่น Jig วัดทุกอย่างของตัวถังเพื่อให้แน่ใจว่ามันยังแข็งแรงและมั่นคง ด้วยความเอาใจใส่ในการสร้างรถคันนี้ให้กลับไปใกล้กับโรงงานมากที่สุด ความพยายามนี้จึงขยายออกไปทุกซอกมุมที่ช่างของ Autofarm ต้องผสมผสานเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อป้องกันตัวถังและแชสซีอย่างสมบูรณ์แบบ Mikey ยืนยันว่า บรรดาซีลยางที่ใช้กับ 911 ในปี 1960 นั้นไม่ดีเท่ากับที่ PORSCHE ใช้ในทศวรรษถัดมา  สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คือผลิตจาก Bitumen ซึ่งเมื่อมีรอยฉีกขาด แม้แค่เข็มทิ่ม น้ำและความชื้นก็สามารถแทรกซึมเข้าไปเป็นที่มาของปัญหา แต่เขาก็ขอบคุณกระบวนการผลิตและฟื้นฟูยานยนต์ในปัจจุบันที่ PORSCHE พัฒนามาทุกปี เขาจึงทำแบบเดียวกันกับ PORSCHE ปี 1967 ให้สมบูรณ์แบบ วีธีเดียวกันนี้ถูกนำมาใช้กับรถที่มีกระจกบานหลังแบบอ่อนนุ่ม แต่การเปลี่ยนกระจกบานหลังนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนใหญ่เป็นเพราะโรงงานผู้ผลิตหลังการขายนั้นหายาก Chris ระบุถึงคนที่จะช่วยเขาได้ซึ่งอยู่ในซานดิเอโก ที่เขาเสนอผู้ผลิตในอลเบอร์ตาให้ โดยสามารถสร้างแผงบังลมหลังนี้มาให้ได้ แต่สำหรับทุกสิ่งที่เขารู้อาจไม่เหมาะกับวัตถุประสงค์ ความตั้งใจแน่วแน่ว่าชิ้นส่วนนั้นจะเหมือนกับของแท้จาก PORSCHE ที่หายาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงลองสำรวจทั่วทั้งสหราชอาณาจักรเพื่อหาเจ้าของที่มีหน้าต่างหลัง Targa ที่นุ่มนวล ของแท้โรงงาน ในที่สุดเค้าก็พบขุมทรัพย์เมื่อได้พบกับเจ้าของ 912 Targa มีชิ้นส่วนที่เขาสนใจอยู่ เขาไม่รอช้าที่จะสั่งซื้อทันที ซึ่งเป็นหลังคาTarga ของใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านการใช้งานเลย  และพวกเขาก็ต้องการชิ้นโครเมียมและยางขอบสำหรับแผงหลังชิ้นนี้

Dave Nunn เจ้าของสำนักผู้เชี่ยวชาญในการทำเบาะแบบคลาสสิกของ PORSCHE ได้ เขาสามารถยึดติดหลังคานี้ได้อย่างเชี่ยวชาญ ในขณะที่ Garry Hall จาก Classic FX ก็มาช่วยจัดการพื้นที่ในห้องโดยสารของ 911 “เจ้าของ Autofarm คนก่อน Josh Sadler ชี้ให้ฉันเห็นถึงทิศทางที่เหมาะสมว่าจะสามารถหาเบาะนั่งได้จากใคร” Chris อธิบายพวกเขามีเบาะนั่งของ 356 พร้อมรางที่หุ้มด้วยสีเหลือง สำหรับรุ่นปี 1968, 911S ผลิตด้วยการเอาหนังลายหนังช้างหุ้มที่คอนโซล แผงประตู และเบาะ ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้ในปัจจุบัน PORSCHE ไม่มีขาย แต่เรื่องน่าทึ่งก็คือ Garry มีอยู่ในสต็อกและเขาสามารถเอามาตัดแต่งใส่กับรถเพื่อให้ตรงตามสเป็คเดิม

SOUND AND VISION

เมื่อถึงจุดหนึ่งในช่วงปี 1980 มีการเจาะรูขนาดใหญ่บนแผงประตูเพื่อใส่ลำโพง และปิดด้วยฝาครอบตะแกรงที่ดูแปลก แต่จะพูดอีกครั้งโดยอ้างถึงความปรารถนาของเขาที่จะรักษาชิ้นส่วนเดิมที่จะเป็นไปได้ Chris ตัดสินใจลงทุนทำตะแกรงนี้ใหม่เพื่อช่วยรักษา DNA ของรถได้มากขึ้น Mikey กล่าวว่าครั้งหนึ่งเคยเกิดคำถามว่าเราควรจะพยายามทำความสะอาดและคืนสภาพพรมที่สึกหรอไหมและฉันดีใจที่เราเลือกพยายาม ด้วยเบาะและพวงมาลัยเดิมที่เราเปลี่ยนเข้าไป และการเก็บรักษเฟอร์นิเจอร์ในห้องโดยสารส่วนใหญ่ของ Targa ให้คงอยู่เขายอมรับว่ารถคันนี้ไม่มีอะไรที่เหมือนกับรถกึ่งเปิดหลังคาสีดำที่เขาพบเป็นครั้งแรกที่ Chris แนะนำให้เขารู้จักกับโครงการนี้เมื่อ 4 ปีก่อน

เมื่อแชสซีและเครื่องยนต์ได้รับการโอเวอร์ฮอลล์อย่างสมบูรณ์สุดยอด Targa ของ Chris ก็พร้อมจะกลับสู่ถนนในปลายปี 2019 “มันเป็นความสุขที่ได้ทำรถ 911 คันนี้” Mikey บอกมันเป็นรถคลาสสิกที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจ และโชคดีอย่างหนึ่งที่ใครๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ โดยใครบางคนที่เข้าใจและสนใจอย่างจริงจังในรายละเอียดของค่าใช้จ่ายในการนำรถกลับมาสู่สภาพที่ดีที่สุด” Chris รักษามรดกที่จำเป็นของ Targa  ของเขาไว้อย่างครบถ้วนอย่างท้าทาย จากการว่าจ้าง Autofarm ในการตกแต่งใหม่เท่าที่จะเป็นไปได้ และแทนที่ด้วยสิ่งที่ดีกว่าเดิมในแบบออริจินัล เชื่อเถอะว่าคุณมีหน้าที่แค่ทำการเก็บรักษามากกว่าการฟื้นฟู

เครื่องยนต์ Flat 2.0 ลิตร ถูกขยายเป็น 2.4 ลิตร ซึ่ง Chris บอกว่ามันสามารถสร้างกำลังได้ใกล้ๆ 190 แรงม้า

ไวนิลแบบหนังช้างห่อหุ้มตรงกลางของเบาะนั่งแต่ละตัว เข้ากันได้ดีกับแผงประตูและคอนโซลที่เป็นลายเดียวกัน

ความสำเร็จนี้ต้องยกเครดิตให้การร่วมมือของ Chris และ Autofarm ที่ตั้งใจทำรถคันนี้ออกมาให้ดีที่สุด

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *