ด้วยเครื่อง 6 สูบนอน 3 ลิตรของ 911 SC รถ 914 ซุ้มล้อกว้างคันนี้ มีพลังพอที่จะเปลี่ยนความเห็นของคนได้…..
เรื่อง Dan Furr รูป Dan Sherwood
Richard Attwood นักแข่งมือเก่า คนที่นำชัยชนะครั้งแรกที่ Le Mans มาให้ Porsche เขาบอกว่าไม่ได้กลับเข้าไปนั่งใน 914 เกือบ 50 ปีแล้ว “ถ้าให้เลือกระหว่างรถเปิดประทุน Targa ตัวท้อปกับ 911 สำหรับใช้เป็นรถซ้อมก่อนแข่ง คุณจะไม่เห็นผมเบือนหน้าหนี 911” เขาบอกกับ James Puttock เจ้าของ Signal Orange GT เป็นรถ evocation ซุ้มล้อกว้างที่จอดอยู่นอกศูนย์ Porsche Experience Centre ที่ Silverstone ก่อนอื่นคงจะต้องบอกว่า Richard เป็นนักวิจารณ์ที่พูดจาโผงผาง ความตรงไปตรงมาของเขาเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ได้รับความนิยมในหมู่วิศวกรรถแข่งและทีมงาน pit crew และเข้าใจได้ว่า James เป็นห่วงว่า 914 ของเขาแทนที่จะได้ผลดีกลับจะจบลงด้วยความเห็นทางด้านลบจากอดีตนักแข่งสังกัดบริษัท หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นติวเตอร์สำหรับช่วงโปรแกรมฝึกสอนการแข่งของ James ที่กำลังจะมาถึง แต่คงไม่มีอะไรที่จะไปไกลเกินความจริงได้
ช่วงเวลา 5 ทศวรรษอาจทำให้ความทรงจำหดหายไปบ้าง “ผมไม่อยากจะพูดว่า Richard กลับคำพูดแต่เขาประหลาดใจจริง ๆ ในสมรรถนะการขับขี่ 914 ของผมที่เยี่ยมยอด เขาบอกว่าความรู้สึกฝังใจของเขาในรถรุ่นนี้ตั้งแต่สมัยที่ลงแข่งตอนที่ยังเป็นรถใหม่อยู่ ไม่เหมือนกับสิ่งที่ได้รู้สึกจากการขับขี่ GT evocation คันของผมเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกตกตะลึงกับดุลยภาพในการขับขี่” James ยิ้ม ถึงแม้ว่าเขาไม่ควรจะแปลกใจมากนักกับความสามารถของรถเปิดประทุนคลาสสิกของ Porsche คันนี้ที่เปลี่ยนความคิดคนได้ อย่างไรก็ดีด้วยการยอมรับของเขาเอง ว่าเขาก็ “ไม่เหลียวมองด้วยซ้ำ” กับรุ่นนี้ ก่อนที่จะออกไปนั่งในรถดัดแปลงของเพื่อนเมื่อไม่กี่ปีก่อน
“ผมแลก 1972 911 2.4 E กับรถ replica Carrera RS 2.7 ที่แต่งโดยผู้เชี่ยวชาญในบริษัท Canford Classics ที่เมือง Dorset ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการฟื้นฟูรถ Porsche เครื่องระบายความร้อนด้วยอากาศ” นักภาษาศาสตร์ในทีมงานภาพยนตร์และโทรทัศน์กล่าว “ผมใช้งานรถค่อนข้างมากทั้งในสหราชอาณาจักรและต่างประเทศ ได้เข้าร่วมในการแข่งรถครั้งประวัติศาสตร์หลายรายการ ราคา 911 ที่สูงขึ้นมาโดยตลอดทำให้ผมตระหนักในมูลค่าทางการเงินของรถและรู้ถึงต้นทุนมหาศาลหากสูญเสียรถไปในอุบัติเหตุ แต่สำหรับผมแล้ว Porsche มีไว้สำหรับการใช้งาน ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูแล 911 ของผมเหมือนเจ้าหญิงในโรงเก็บรถ แต่ผมไม่ต้องการจะทำให้มันเสียหายจากสภาพของการแข่งขัน”
HUNTING GROUND
ทางออกคือเริ่มมองหา รถ Porsche คลาสสิกคันที่ 2 ที่สามารถเอาไปลุยในสนามแข่งได้ ผมจะไม่เอา 914 ก่อนที่มีโอกาสได้นั่งในรถเพื่อนซึ่งดัดแปลงเป็นเครื่อง 2 ลิตร 6 สูบนอน ผมรู้สึกประหลาดใจในสมรรถนะการขับขี่รถ Porsche คันเล็กนี้ที่ดีเลิศในการวิ่งซอกแซกไปตามถนนคดเคี้ยวนอกเมืองที่เราตะเวนไป รถวิ่งเร็วสุด ๆ ทำให้ช่วงเวลาหลังเที่ยงวันนั้นเป็นเวลาแห่งการเปิดหูเปิดตาในข้อดีของรถคลาสสิกเครื่องกลางที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ นำไปสู่การตัดสินใจมองหาโฆษณาย่อยรถ 914 หลังจากนั้นไม่นาน “ยุโรปเป็นที่แรกในการมองหา แต่ด้วยความจริงที่ว่า 914 ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกามากกว่า” James ยอมรับ นอกจากนั้นยังมีชุมชนเจ้าของรถ 914 และแหล่งอะไหล่ขนาดใหญ่ในอีกฝั่งหนึ่งของมหาสมุทร” เขาลงทะเบียนกับฟอรั่มออนไลน์ 914 world.com ของสหรัฐอเมริกา และลงประกาศแสดงความหวังว่าจะหารถ 914 ที่มีการปรับแต่ง สเปกเป็น GT แล้ว “คุณจะต้องใจเย็น ๆ “ เป็นคำตอบที่เขาได้รับหลังจากระบุสิ่งที่ต้องการไปแล้ว อย่างไรก็ดีในไม่ช้าก็ได้รับการแจ้งเบาะแสรถจำนวนหนึ่งที่ตรงกับสิ่งที่ต้องการ “ด้วยเหตุผลไดเหตุผลหนึ่ง ไม่มีคันไดเลยที่ตรงกับความต้องการเป๊ะ” เขาถอนหายใจ โทษข้อมูลที่ไม่ตรง สงครามการประมูลและความเสี่ยงสูงในการซื้อรถโดยยังไม่เห็นรถตัวเป็น ๆ ว่าเป็นอุปสรรคสำคัญของความสำเร็จในการซื้อขาย
รถในโมเดลที่มีชื่อว่า 914/6 GT เป็นเวอร์ชันที่ใช้แข่งของ 914/6 (เรียกแบบนั้นเพราะว่ามีเครื่อง 2 ลิตร 6 สูบนอนแทนที่ 4 สูบนอนซึ่งเป็นมาตรฐานของรุ่น) พร้อมด้วย ออปชันแพกเกจแข่ง GT ของ Porsche ซึ่งระบุตัวตนได้ทันทีจากซุ้มล้อโค้งเหล็กกล้าทรงกล่อง เป็นโมเดลที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมในสนามแข่งรถด้วยความสามารถที่น่าประทับใจ รวมทั้งการจบเป็นที่หนึ่งในระดับ over all เป็นครั้งที่ 6 ในรายการ 1970 24 Hours of Le Mans นักแข่งใน 917 Attwood และ co-driver ของเขา Hans Herrmann เข้าที่หนึ่งในระดับ overall ที่สนาม Sarthe หลายครั้ง ขณะที่ 914/6 สร้างเสียงว๊าวในปีเดียวกันในรายการ Marathon de la Route ซึ่งเป็นการแข่งขัน endurance ของสนาม Nürburgring ที่แข่งกันยาวนานถึง 86 ชั่วโมง มีการจัดการแข่งขันระหว่างปี 1965 ถึง 1971 ระยะทางในการแข่งที่ยาวเป็นพิเศษเพื่อให้เท่ากับระยะของการแข่งแรลลี่ Liege-Rome-Liege Rally รายการที่ยกย่องกันว่าเป็นการแข่งมาราธอนที่โหดที่สุดรายการหนึ่งของยุโรป หลังจากที่เสร็จการทดสอบสุดโหดสำหรับทั้งคนและเครื่องจักรในเสื้อ Mercedes รวมทั้งแข่งแรลลี่ Liege-Sofia-Liege ในเวลาต่อมาแล้ว Dieter Glemser นักแข่งสังกัด Porsche เล่าถึงสภาพการแข่งว่า “ตรงที่บางจุดหลังจาก 4 วัน 4 คืนแล้ว คุณก็จะเข้าเส้นชัยแบบหมดสภาพและเกือบจะไม่ไหวติงในกิจกรรมต่อมา เป็นผลจากที่ได้ควบผ่านทาง 5,000 กิโลเมตรในเวลาแค่ 90 ชั่วโมง” Herbert Linge นักขับทดสอบและนักแข่ง ได้ระบุด้วยว่า “ใครก็ตามที่เป็น co-driver และสามารถนอนหลับได้อย่าง Paul Ernst Strahle ที่ทำได้ในรถของผมจะได้เปรียบอย่างมาก โชคไม่ดีที่ผมทำไม่ได้” หลังจากที่มีการยกความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยในการแข่งแรลลี่บนเส้นทางที่มีรถอื่นวิ่งปะปนอยู่ด้วยขึ้นมาเป็นประเด็น ผู้จัดการแข่งขันก็หันไปหา Nürburgring ทำให้รายการแข่ง The Marathon de la Route ถือกำเนิดขึ้น
Porsche เข้าร่วมด้วยรถ 911 R ซึ่งมีกระปุกเกียร์ Sportomatic ใหม่ในปี 1967 และได้ชัยชนะโดยมี Hans Herrmann Jochen Neersch และ Vic Elford เป็นทีมนักแข่ง รถรุ่น 911 จำนวน 3 คันอยู่หน้าฝูงรถแข่ง ในปี 1968 โดยในที่สุด Glemser Linge และ Willi Kauhsen เข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง ในปี 1970 Porsche ต้องการทดสอบความเป็นรถสปอร์ตของ 914/6 ในสภาพการแข่งที่มีกฏเกณฑ์เข้มข้น เช่นการจำกัดเวลาการอยู่ใน pit สูงสุดแค่ 60 วินาที ถ้ารถอยู่เกินเวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็จะถูกตัดรอบออกจากตัวเลขรวมเมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน ลองคิดดูว่าจะต้องใช้เวลาเกือบ ๆ 13 นาที ในการวิ่งรอบสนามยาว 28.3 กิโลเมตร ในวงรอบเหนือและวงรอบใต้ ทำให้เห็นได้ว่าการลงโทษรุนแรงเกิน อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณ ที่การเติมน้ำมันและเปลี่ยนคนขับต้องทำเสร็จภายในกรอบ 1 นาทีและการเปลี่ยนยางไม่อยู่ในนั้นทำให้มีช่องว่างที่ Porsche เล่นกับกฏเกณฑ์ได้ด้วยลูกเล่นที่เป็นไม้เด็ด คือเมื่อถึงช่วงเวลาสำหรับเปลี่ยนยาง คนขับจะจอดรถอยู่ตรงหน้าปากทางเข้า pit และจัดการถอดน็อตล้อให้เหลือเพียงตัวเดียวในแต่ละล้อและเก็บไว้ในเสื้อคลุมก่อนจะขับต่อเข้าไปหาทีมงานใน pit เมื่อทีมงานเปลี่ยนยางแล้ว นักแข่งขับกลับออกไปตรงทางออกก่อนจะใส่น๊อตที่เหลือกลับเข้าไปใหม่
TOP TRUMPS
ต้องขอบคุณการใช้ยางแข็งที่ต้องการการเปลี่ยนยางเพียงครั้งเดียวตลอดการแข่งขัน ทำให้เจ้า 914 หกสูบอวดชาวโลกได้ว่ามันมีความสามารถเพียงใด การจบในอันดับที่ 1 2 3 แสดงให้เห็นอย่างสมบูรณ์ในความสามารถของเจ้ารถ roadster ใจกล้า ทีมผู้ชนะที่ 1 ทั้ง 3 คนคือ Gérard Larrousse Helmut Marko และ Claude Haldi ควบครบ 360 รอบสนามสุดโหดโดยมี 914/6 ที่เหลือตามมาติด ๆ รถพวกนั้นมี Björn Waldegård Aake Andersson Guy Chasseuil และ Claude และอีกทีมมี Ballot-Léna Günter Steckkönig และ Nicolas Koob เป็นผู้ขับตามลำดับ
อีกกว่า 40 ปีต่อมา James เริ่มจะหมดความเชื่อในเรื่องความเป็นไปได้ที่จะหา 914 ที่เหมาะสำหรับตัวเขาได้ แต่ก่อนที่จะยอมแพ้ ต้องขอบคุณเทพีแห่งโชคที่มาช่วยเสนอ 914 คันหนึ่งที่เขาจะต้องนำเข้ามาที่สหราชอาณาจักร เอกสารระบุว่ามีเจ้าของรวมมือแรกมาแล้วแค่ 3 คน เดิมเป็นรถเครื่อง 2 ลิตรในปี 1974 และได้รับการฟื้นฟูใหญ่ต้นทศวรรษ 1990 และแล้วในปี 2012 ผู้เชี่ยวชาญรถแข่ง Porsche ในประวัติศาสตร์คนหนึ่ง (เจ้าของรถ 911 คลาสสิกรุ่นฐานล้อสั้นดั้งเดิมหลายคัน) ปรับแต่งรถเป็นเครื่องหกสูบ โดยการใส่เครื่อง 3 ลิตรที่นำมาจากรถ 911 SC มีการยกเครื่องครั้งใหญ่ใช้ลูกสูบ JE และคาบูเรเตอร์ Weber ต่อเชื่อมกับชุดระบบส่งกำลังของ 901 ที่สร้างขึ้นใหม่มีสัดส่วนตัวเลขตามสเปกสำหรับการแข่ง รวมทั้งเกียร์หนึ่งที่ยาวขึ้น อุปกรณ์แต่ง GT มีชุดเพิ่มความแกร่งแชสซี เบรกขนาดใหญ่และออยคูลเลอร์ติดตั้งด้านหน้า เมื่อเคลือบสี Ivory White มีประกายวาวจากโรงงาน OEM เสร็จแล้วรถก็มีพร้อมทุกสิ่ง James ไม่รอช้า จัดแจงให้มีการส่งรถมาที่ Blighty ทันที
“พูดได้เลยว่า รถมีความสมบูรณ์แบบ” เขาบอกเรา ย้อนไปถึงเรื่องการตรวจสอบที่เขาต้องทำสำหรับของที่สั่งเข้ามาใหม่ หลังจากที่ของมาถึงท่าเรือ Southampton “การปรับแต่งเครื่องยนต์และยกระดับแชสซีส์ทำอย่างครบถ้วน หมายความว่างานหนัก ๆ ได้ทำไปแล้ว แม้ว่าผมยังต้องการให้ล้อยางหน้ากว้างขึ้นเพื่อใช้ในสนามแข่ง ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีล้อใหญ่ขึ้นและซุ้มล้อที่กว้างขึ้น ผมยังต้องการให้สไตล์ของรถเป็นการระลึกถึงทีม 3 นักแข่งของ Signal Orange 914/6GT ที่ได้ชัยชนะในการแข่ง 1970 Marathon de la Route ด้วย”
จะต้องมีการปรับแต่งตัวถังรถค่อนข้างมาก มีเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยคือมีการแต้มสีที่เป็นสีที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โชคดีที่มีคนช่วยอยู่ใกล้ ๆ “ผมเป็นเพื่อนกับ Richard Morgan เจ้าของ Electric Classic Cars “ James พูดต่อ เป็นการเอ่ยนามของนักปรับแต่งรถคนที่สร้างให้ 1979 911 SC Targa เป็นรถพลังไฟฟ้าเต็มขั้นใน GT Porsche ฉบับตุลาคม (สั่งซื้อหนังสือได้ที่ bit.ly/issuesgtp) “เขามีประสบการณ์การแข่งรถ แข่งแรลลี่และปรับแต่งเครื่องยนต์ 914 และการอยู่ที่ Wales เขาได้ประโยชน์จากการที่มีรถแข่งแรลลี่จำนวนมาก และมีผู้เชี่ยวชาญทำสีตัวถังที่อยู่ใกล้กับโรงงานของ Electric Classic Cars “
Richard ทำหน้าที่ผู้จัดการโครงการสำหรับการเปลี่ยนแปลงตามที่ต้องการ ซึ่งจะเห็น James โฉบไปมาระหว่างประเทศเยอรมันและบ้านเพื่อหากันชนไฟเบอร์ GT คิ้วและออยล์คูลเลอร์ซื้อจาก FSH ผู้เชี่ยวชาญอะไหล่ aftermarket ก่อนที่จะส่งแต่ละชิ้นส่วนมาที่ Wales พร้อมกับซุ้มล้อเหล็กชุดใหม่ ผู้เชี่ยวชาญเตรียมรถแข่งแรลลี่ Harry Hockly Motorsport ทำงานติดตั้งแผ่นพนังโค้ง และยังทำการประกอบคิ้วเหล็กที่ขยายขึ้นเพื่อให้เข้ากับแบบของขอบล่างปีกท้ายที่ปรับใหม่แต่ละอัน
CLASSIC PACKAGE
เครื่อง 4 สูบนอน เกาะติดอยู่ในที่จำกัดภายในห้องเครื่องของ 914 คุณคงจะจินตนาการได้ว่ามันอัดแน่นขนาดไหนตอนที่ก้อนของเครื่อง 6 สูบ ติดตั้งอยู่ในที่นั้น การบำรุงรักษาตามรอบประจำมักจะรวมถึงการถอดเครื่อง ซึ่งเป็นสิ่ง James พยายามหลีกเลี่ยง “มีการเจาะรูที่ฝากั้นเพื่อให้สามารถเปลี่ยนสายพานได้สะดวก” เขาเปิดเผยและพูดต่อไปถึงส่วนของด้านหน้าว่า มีการติดตั้งแผ่นระบายอากาศแทนที่ปั้มเครื่องปรับอากาศทำให้อากาศไหลผ่านเครื่องออยล์คูลเลอร์และออกไปทางพื้นล่าง ที่เพิ่มขึ้นมาคือจุดยึดตรึงกับเข็มขัดนิรภัยจัดการเชื่อมให้เรียบร้อยก่อนจะมีการพ่นสี Signal Orange เคลือบให้ดูไร้ที่ติ การเดินเส้นท่อออยล์คูลเลอร์ทนความร้อนผ่านตัวถังใหม่ทำเสร็จต่อจากนั้น
ชุดระบบจุดระเบิด Classic Retrofit CDI+ อัพเกรดใหม่ ตัวช่วยเปลี่ยนเกียร์ RennShift ที่นั่ง BF Torino ล้อหลังกว้าง Minilight ยางหน้ากว้าง Toyo Proxes R888R ที่ใช้ได้กับถนนทั่วไป และคำสั่งซื้อโรลเคจจาก Safety Devices จากนั้น 914 ที่เกิดใหม่ก็ถูกส่งต่อไปให้ Maxted-Page ผู้เชี่ยวชาญ Porsche คลาสสิก สำหรับการปรับแต่งระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งรวมทั้งคาบูเรเตอร์ที่ทำขึ้นใหม่ และการติดตั้งปั้มน้ำมัน high-flow ของ Holley มีผลให้ได้พลังประมาณ 210 แรงม้า ตั้งแต่ตอนนั้น James ก็มีความสุขกับการทำความคุ้นเคยกับเกมส์จากของเล่นของเขา เป็น 914 ที่จัดการได้เหมือนกับการวิ่งอยู่บนรางของเล่น “เหล็กกันโคลงหน้าหลัง บวกกับระบบกันสะเทือน Koni ช่วยได้มาก” James ยิ้ม ยอมรับว่า Signal Orange โลดโผนได้รวดเร็วขนาดไหน และเขาตั้งตารอสำรวจความสามารถของมันในช่วงเวลาบนสนาม Silverstone ครั้งต่อไป รวมทั้งการวางแผนเดินทางไป Spa เพื่อทำกิจกรรมและร่วมรายการ Le Mans Classic ในอนาคต รถคันนี้ยังเป็นของตั้งแสดงยอดนิยมในงานโชว์ 914/50 ในสีสดใสสุด ที่สมาคม Porsche Club GB จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ Brooklands Motor Museum เป็นงานชุมนุมพบปะกันเพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีของรถรุ่นนี้และถูกนำเสนออยู่ใน GT Porsche ฉบับที่แล้ว
ถ้าคุณกำลังมองหาเส้นทางสู่การเป็นเจ้าของ Porsche เครื่องระบายความร้อนด้วยอากาศซักคันหนึ่งโดยไม่ทำให้เงินในบัญชีเสียดุลมากเหมือนกับการซื้อ 911 คลาสสิก ขอแนะนำให้พิจารณา 914 มันเป็นรถเปิดประทุนที่ดีเยี่ยม ให้ความสนุกอย่างมากในคันที่ทำเสร็จมาแล้ว แต่อย่างของเล่นในลู่ของ James ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าด้วยการปรับแต่งเล็กน้อย สามารถทำให้เจ้ารถ 2 ที่นั่งสุดยอดนี้สร้างความประหลาดใจให้กับคนที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมรับรถในโมเดลนี้ได้ ไม่ต้องเชื่อเรา ลองถาม Richard Attwood ดูเอาเอง
Leave a Reply