964 Trio – Three of a kind

ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนคลับรถเดิมสนิทจากโรงงานหรือรถที่แต่งมาเต็มคราบ คุณก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า 964 นั้นสามารถแต่งให้ตอบโจทย์สไตล์การขับได้หลากหลายอย่างแท้จริง

มันเป็นวันฟ้าหม่นกลางเดือนพฤษภาคม และเรากำลังอยู่ในสถานที่ซึ่งครั้งนึงมันเคยลับมากซะจนไม่ปรากฏอยู่บนแผนที่ Ordnance Survey ด้วยซ้ำ เราอยู่ลึกเข้าไปในย่านชนบทของ Buckinghamshire แต่เป็นสถานที่ซึ่งต้นไม้ยืนต้นสูงตระหง่านโค้งไปรอบตึกคอนกรีตสูงเสียดฟ้าที่ไหม้ดำเป็นตอตะโก รอบๆ ตัวเรามีอาคารวางตัวอยู่อย่างระเกะระกะกับหอสังเกตุการณ์สูงลิบที่เต็มไปด้วยเครื่องจักรหนักและแผงควบคุมที่พาลให้นึกถึงห้องบัญชาการดั้งเดิมของ TARDIS ฉะนั้นมันก็คงจะไม่แปลกอะไรที่ปุ่มหมุนและคันโยกที่อยู่ตรงหน้าเราจะเป็นแผงควบคุมที่ออกแบบมาสำหรับสั่งการจรวดมิสไซส์ขั้นสูง หรือเอาให้ชัดๆ ก็คือ พวกอุปกรณ์หน้าตาซ้ำๆ หลายชุดที่วางเรียงกันอยู่เป็นตับนั่น เคยถูกใช้งานโดยนักวิทยาศาสตร์ที่รับคำสั่งจากหน่วยทหารของอังกฤษเพื่อนำทางจรวดเชื้อเพลิงเหลว V1 กับ V2 ผลผลิตจากโครงการที่ถูกพัฒนาขึ้นที่เยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นแหละ

เสียงคำรามประสานกันของท่อไอเสียดังกลบบรรยากาศเงียบสงบแถวนั้นราวกับมิสไซส์สัญชาติเยอรมันชนิดใหม่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ฐานทดสอบที่เหลือรอดมาจนตอนนี้ ฟ้าสีเทาถูกลืมไปชั่วขณะ และในระหว่างที่ชุดสีสดใสทั้งเขียว Amazon Green น้ำเงิน Maritime Blue และแดง Guards Red กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว คนที่ดูอยู่ไกลๆ คงนึกว่านี่มีปฏิบัติการทางทหารอะไรกันอีกแล้ว แต่ถ้าเพ่งดูอีกทีก็จะพบว่ามันคือ 964 สามสไตล์ที่กำลังซิ่งตามกันมาบนถนนสายกว้างและเรียบสนิท พวกมันก็กำลังค่อยๆ ลัดเลาะเข้ามาที่สถานปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาจากยุคก่อนแห่งนี้

แค่นึกว่าครั้งนึง 964 เคยเป็น 911 ที่ไม่มีใครรักก็ทำให้รู้สึกประหลาดแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับความนิยมชมชอบที่มันกำลังได้รับอยู่ในตอนนี้ มันถูกมองว่าเป็นจุดสูงสุดของรถยุคระบายความร้อนด้วยอากาศ สไตล์ตัวถังแบบคลาสสิค เครื่องยนต์ที่ทนทายาท ความแรงระดับระเบิดเถิดเทิง และภายในอันสะดวกสบายคือสิ่งที่ทำให้ 964 เป็นตัวเลือก 911 อันดับต้นๆ ที่อู่ Restomod รถยุคระบายความร้อนด้วยอากาศทั้งหลายมองหา พวก DIY ก็เป็นอีกกลุ่มที่ยกยอปอปั้น 964 มานานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังไม่ต้องย้อนอดีตไปไหนไกลเพื่อจะได้เห็นรถหลายคันถูกใช้งานอย่างทิ้งๆ ขว้างๆ ราคาที่ต่ำเรี่ยดินของมันทำให้คนที่ไม่มีปัญญาซ่อมบำรุงอย่างถูกวิธีเข้ามาซื้อพวกมันไป แล้วก็ขับมันไปทั้งๆ ที่ช่วงล่างพัง น้ำมันเครื่องรั่วเป็นสาย กับเสื้อสูบสึกเป็นรอยอยู่อย่างนั้น รอจนวันที่เครื่องกลับบ้านเก่าก็ค่อยขายทิ้งแล้วไปหาความสนุกจากสิ่งประดิษฐ์สี่ล้ออื่นต่อ

แต่ข้อดีอย่างนึงของการที่ 964 เคยเป็น 911 ราคาถูกและเป็น Porsche คันแรกสำหรับใครหลายคนก็คือ ก่อนที่ราคาของ Porsche ระบายความร้อนด้วยอากาศจะทะลุไปไกลจนนอกโลกแบบนี้ เจ้าของหลายคนจะไม่รู้สึกกลัวที่จะแต่งมันให้หนีไปจากสเปกโรงงาน เพราะ 964 ของชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่านั้นไม่ได้มีกำไรรอให้เก็บเกี่ยวอะไรซะมากมาย ราคาขายต่อก็เลยไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งคิดอะไรให้มาก แต่เร่งเวลามาถึงวันนี้ คุณจะพบว่าราคา 964 ทุกคันพุ่งทะยานขึ้นไปไม่ต่างจากวิถีจรวดมิสไซล์ที่ถูกพัฒนาขึ้นบนสถานที่ที่เรากำลังยืนอยู่นี่แล้ว และยิ่งพอมาเจอเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำให้การผลิตของแต่ง Aftermarket สามารถทำได้ดีขึ้นอีกก็ยิ่งไปกันใหญ่ นี่ยังไม่ทันได้พูดถึงเรื่องที่ Porsche ออกมาเฉลิมฉลองให้ 964 แต่งจากสำนักอิสระทั้งหลายนั่นอีกด้วย ดังนั้นกลุ่มคนที่ยังยินดีกับการได้นั่งมอง 964 ของพวกเขาถูกรื้อออกเป็นชิ้นๆ และประกอบกลับด้วยชุดแต่งพวกนั้นจึงเหลืออยู่แค่หยิบมือเดียวเท่านั้น

THE MAGIC NUMBER

รถสามคันที่เราเอามาวันนี้เป็น 964 ที่แต่งมาคนละแนวกันอย่างสิ้นเชิง แต่ละคันให้ความรู้สึกเวลาขับต่างกัน โดยคันที่สุดโต่งที่สุดในกลุ่มน่าจะเป็น RS สีน้ำเงินสดของ James Stewart ซึ่งตัวเจ้าของเองก็ยอมรับอย่างเต็มอกว่า เจ้ารถถนนที่ Track-friendly ของเขาคันนี้ ซึ่งเคยถูกรื้อพ่นสีทั้งภายนอกและภายในมาแล้ว ยังห่างไกลจาก 964 ที่แรงที่สุดที่คุณเคยเจอมามากนัก แต่การเฉือนน้ำหนักทิ้งไปหนึ่งกระบุงกับเน้นการปรับปรุงแชสซีส์ก็ทำให้มันเป็นรถที่มีบุคลิกก้าวร้าวได้อย่างสุดโต่งเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Carrera 2 แสนเรียบร้อยที่มีอุปกรณ์ติดตัวมามากกว่าของใช้ในห้องน้ำภรรยาคุณซะอีก

มันเป็นรถเกรด D ที่ถูกตัดขายซากหลังอุบัติเหตุในปี 2001” James อธิบายตอนตรวจสภาพก่อนซื้อก็ได้อ่านรายงานซึ่งบอกว่าท้ายรถยุบไปฝั่งนึงกับตัวถังถูกบิดจนโค้งเป็นกล้วยหอม แถมหลังคาก็เคยถูกเปลี่ยนมาแล้วสักช่วงชีวิตนึงของรถแต่ด้วยศรัทธาแรงกล้าที่จะบูรณะ Carrera สุดเท่คันนี้ให้ตรงกับรสนิยมส่วนตัวของเขา เขาจึงตัดสินใจซื้อ Porsche แสนอาภัพคันนี้มา และไปจ้างอู่ที่เชี่ยวชาญรถยุคระบายความร้อนด้วยอากาศนามว่า Waff Zuff ใน Raikku จัดการแก้ไขมันให้กลับมาเป็นอย่างที่ถูกที่ควรซะ เริ่มจากการรื้อชิ้นส่วนจนเหลือแต่โครงโมโนค็อคเปล่าๆ จากนั้นก็ส่งไปอู่ Prime Paint & Body ใน Harlow เพื่อซ่อมแซม ตัวถังถูกยืดจนตรง ความเสียหายจากอุบัติเหตุถูกแก้ไขจนครบทุกจุด จากนั้นก็ได้เวลาพ่นสีใหม่เพื่อเตรียมลงถนนอีกครั้ง

การบูรณะทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยปณิธานอันแน่วแน่ของ James กับหัวใจที่เขามีให้ 964 เพราะตั้งแต่คลัทช์ ฟลายวีล ไปจนถึงกระจกบานหลังมีแต่รายการของแต่งจากร้านอะไหล่ Rose Passion ใน Jarny เต็มไปหมด ของเด่นๆ ในชุดก็อย่างเช่น ชุดซ่อมเครื่องยนต์ สายเบรค ซีลกรอบหน้าต่าง และคันเกียร์ควิกชิฟท์ของ RS แล้วก็ยังมีกันโคลง H&R ช่วงล่างคอยล์โอเวอร์ Bilstein PSS10 ฐานสปริงหลังปรับระดับได้ Rennline แท่นเครื่อง GT3 ตั้งศูนย์ล้อให้พร้อมรบ และบุชยูรีเทน Powerflex มาเป็นตัวช่วยในการพลิกบุคลิกแฮนด์ลิงของรถด้วย อ้อ..แล้วก็ยังมีล้อ Cup แท้เบิกใหม่ที่รัดด้วยยาง Micheline Pilot Sport ซึ่งซ่อนคาลิปเปอร์ 993 กับจาน 928 S4 เอาไว้ด้านในอีกชุดนึงด้วย

เครื่องยนต์ 3.6 ลิตร ที่ติดรถมาตั้งแต่ป้ายแดงยังไม่เคยถูกเปิดฝามาก่อน แต่มันก็ได้พูลเลย์แต่ง Rothsport Racing สายหัวเทียน Magnecor ถอดแคทตาไลติคคอนเวิร์ทเตอร์ออก ท่อไอเสียจากรุ่น Cup และชิพจูน ECU เข้าไปเพิ่ม นี่ไม่ใช่การแต่งเลียนแบบ RS และม้าฝูงโตอะไรเทือกนั้น แต่เป็นการรื้อรถกลับไปในจุดที่เหลือเฉพาะอุปกรณ์ที่จำเป็น และเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เหลือพวกนั้นไปเป็นวัสดุน้ำหนักเบาซ้ำอีกรอบ (เบาะบักเก็ทซีท Recaro Pole Position มาอยู่แทนเบาะสปอร์ตเดิมจากโรงงานที่หนักเป็นหิน ส่วนพรมสเปก RS ก็เข้ามาแทนที่พรมชิ้นหนาเตอะของรถรุ่นมาตรฐาน) ซึ่งมันก็ทำให้ช่วงเวลาที่คุณนั่งอยู่ในรถคันนี้มีแต่ความตื่นตาตื่นใจเหมือนกับฉากแอคชั่นมันส์ๆ ที่ James เคยสนุกในสมัยที่นั่ง 996 ของเพื่อนเขาที่งาน Goodwood

การขึ้นลง Porsche ที่ทำมาเน้นวิ่งสนามแบบนี้ก็จะลำบากลำบนหน่อยแบบที่คุณคงคาดเดาได้นั่นแหละครับ แต่หลังจากรัดเข็มขัดนิรภัย Schroth เรียบร้อย และตัวคุณถูกล้อมด้วยโรลเคจ Heigl แล้ว มันก็ทำให้คุณรู้สึกว่ากลายเป็นส่วนนึงของเครื่องจักรพันธุ์สปอร์ตจาก Stuttgart ไปอย่างช่วยไม่ได้ คุณนั่งอยู่ต่ำด้วยรางที่กดลงจนสุด (แล้วก็ยิ่งรู้สึกเตี้ยเข้าไปอีกด้วยเบาะ Recaro ตัวเขื่อง) ช่วงล่างทำให้คุณกับรถรู้สึกเชื่อมต่อกันอยู่ตลอดเวลา และเก็บทุกจังหวะกระแทกหรือแรงสั่นสะเทือน มันเป็นช่วงล่างแบบแน่นปั้กที่ทำให้คุณรู้สึกมีส่วนร่วมกับรถอย่างเต็มร้อย และเป็นเรื่องนึงที่เราไม่สงสัยเลยว่ามันจะต้องแสดงผลงานตอนอัดในสนามได้ยอดเยี่ยมแน่นอน น่าเสียดายที่เรามีโอกาสสัมผัสฝีเท้าแบบเต็มเหยียดของ Porsche ตัวเต็งคันนี้แค่ประเดี๋ยวประด๋าวบนถนนแคบๆ ที่วนรอบโลเกชันถ่ายภาพของเราในวันนี้เท่านั้น แต่มันก็ยังพอมีโค้งแคบหักศอกมาคั่นถนนลาดยางยาวเฟื้อยอยู่บ้าง ซึ่งก็เพียงพอจะทำให้เรารู้ว่ารถตอบสนองกับทุกการเคลื่อนไหวของคนขับได้ไวมาก แค่ขยับพวงมาลัยแค่นิดเดียวและกระดิกเท้าบนคันเร่งอย่างแผ่วเบา ก็ทำให้รถตอบสนองออกมาต่างกันได้มากมายจนเกินกว่าที่คนส่วนใหญ่จะคาดหวังกับ 964 ไว้แล้ว มันก็เหมือนกับสีตัวถังที่คลุมรถทั้งคันอยู่นี่แหละครับ เพราะเจ้ารถที่ได้แรงบันดาลใจจาก RS อย่างมันไม่มีคำว่าสงวนท่าทีเลยแม้แต่น้อย

การใช้ชีวิตอยู่กับ 911 ระบายความร้อนด้วยอากาศที่ท้าตีท้าต่อยแบบ 964 ของ James ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เช่น เสียงอาจจะดังเกินไปตอนขับทางไกล แถมยังนั่งไม่สบาย และดิบเถื่อนเกินไปสำหรับคนที่ชอบให้ Porsche ของเขายังมีความศิวิไลซ์กับผิวถนนขรุขระในตอนที่ไม่ได้ซิ่งอยู่บ้าง 1990 Carrera 2 สีแดง Guards Red คันที่ Steve Bennett ขับมาเจอกันที่ศูนย์บัญชาการในวันนี้คือตัวอย่างของ 964 ที่ทำได้ดีทั้งสองด้าน ด้วยการที่ยังคงใช้เบาะมาตรฐานกับเก็บอุปกรณ์เพื่อความหรูหราในห้องโดยสารเอาไว้ครบถ้วน ในขณะที่ช่วงล่างนั้นอัพเกรดไปเป็นระดับฮาร์ดคอร์ผมตามหาระบบช่วงล่างที่ซับซ้อนและมีเทคโนโลยีก้าวหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีคนทำออกมาอยู่นานเลยเขาเล่าให้เราฟังผมใส่ Bilstein B6 กับสปริงโหลดอยู่แล้ว แต่ยังอยากจะปรับความหนืดมันได้เองเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆแล้วเขาก็ไม่อยากจะต้องเอื้อมลงไปทำอะไรจุกจิกใต้ท้องรถทุกครั้งที่เขาต้องการปรับค่า Bump กับ Rebound อีกด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่เขาให้ทีมช่างที่เชี่ยวชาญช่วงล่างจาก Tractive Suspension ผู้ผลิตคอยล์โอเวอร์สมรรถนะสูงใน Cuijk ตะวันออกเฉียงใต้ของ Netherlands มาช่วยจัดการ

SHOCK AND AWE

เสื้อโช้คอัพมันเป็นอัลลอยทั้งตัว ก็เลยเบากว่าของแต่งที่โฆษณาว่ามีคุณสมบัติคล้ายๆ ที่ผลิตจากสำนักแต่งรายอื่นๆ อยู่มาก” Steve ยืนยันกับเรา โช้คอัพทั้งตัวเมื่อขึ้นตราชั่งแล้วเข็มจะขึ้นแค่ 25% ของน้ำหนักโช้คอัพยี่ห้ออื่นที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ จนชินตา นอกจากนี้แพ็คเกจ Tractive ยังมาพร้อมกับซอฟต์แวร์สำหรับตัวมันเองและชุดสายไฟเพื่อต่อมันเข้ากับแผงควบคุมแบบหน้าจอดิจิตอลด้วย มันทำให้ Steve สามารถปรับค่าความหนืดช่วงล่างได้ 3 ค่า จากการแค่นั่งกดปุ่มอยู่ในรถ ซึ่งเขาก็ได้ปรับไว้ให้เป็นสเปก Touring, ถนน B และสนาม ตามลำดับ

โช้คอัพตอบสนองกับสถานการณ์ต่างๆ แบบแทบจะทันที มันใช้เวลาปรับความหนืดไม่ถึง 0.6 วินาที เท่านั้น การปรับความหนืดทั้งหมดจะทำผ่านระบบอิเลกทรอนิกส์ (ซึ่งก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะ Tractive เรียกพวกมันว่า ACE หรือ Activity Controlled Electronic) ซึ่งทำให้ 964 ของ Steve สามารถเหยียบคันเร่งจมมิดได้ในโค้งและยังมีแรงยึดเกาะเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะกำลังเบรก เร่ง หรือหักเลี้ยวอยู่ แถมมันยังปรับให้ช่วยซับแรงสะเทือนเวลาวิ่งผ่านผิวถนนขรุขระได้ด้วย

เขาทำงานร่วมกับทีมของ Tractive และได้รับความช่วยเหลือจากจอมเวทย์แห่งช่วงล่าง Porsche อย่าง Chris Franklin ด้วย โดย Steve ทำงานหนักมากเพื่อที่จะป้อนความเห็นจากการใช้งานจริงของเขากลับไปที่ผู้ผลิต ทั้งในเรื่องการออกแบบโช้คอัพ ค่าความแข็งสปริง และกล่องควบคุม ซึ่งก็เพราะแบบนี้เองจึงทำให้โช้คอัพด้านหลังได้รับการแก้ไขใหม่เพื่อลดอาการหน้าเชิดท้ายจม และยังช่วยเสริมการทำงานของสปริง Helper เพิ่มเติมด้วย  นอกจากนี้ เพื่อให้การบังคับควบคุมไม่มีคำว่าประนีประนอมและได้ใช้ประสิทธิภาพทุกหยดของแพ็คเกจ Tractive Steve เลยโทรไปหา Santa Calara Porsche เทพอะไหล่ Porsche เพื่อให้ส่งเบ้าโช้คอัพปรับได้ ฐานรองสปริงหลังแบบ Monoball ลูกหมากกันโคลงปรับได้ และชุดแก้อาการบัมพ์สเตียร์มาให้ด้วย

Chris ขยับชุดวิชโบนหน้าให้ออกมาด้านนอกรถอีกข้างละ 30 มิลลิเมตร (ซึ่งทำให้จังหวะเริ่มหักเลี้ยวดีขึ้นและระยะความกว้างฐานล้อเท่ากันทั้งคัน) แต่การจะเอาทุกอย่างที่ Steve สั่งมาใส่เข้าไปก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องงัดวิชาออกมาใช้กันอยู่สักหน่อย ด้วยความที่เขาตัดสินใจสั่งเหล็กกันโคลงปรับได้ของ Eibach กับชุดเบรกโตมา ซึ่งประกอบไปด้วยคาลิปเปอร์ ‘Big Black’ ของ 928, ลูกสูบแม่ปั๊มของ 993, ชุดเพิ่มแรงเบรกของ 993 แล้วก็สายเบรกถักมารอไว้แล้ว

รถของ Steve มีความคล้ายคลึงกับ Carrera 2 ของ James ตรงที่มีการเอาชิ้นส่วนสเปก RS มาใช้หลายอย่าง รวมถึงคลัทช์กับฟลายวีลของ RS กระจกหลังน้ำหนักเบา และแท่นเครื่องของ RS เพื่อช่วยควบคุมการถ่ายน้ำหนักด้านท้ายรถเวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงได้มั่นใจมากขึ้น ล้อ Cups กับยาง Michelin (แต่หน้าร้อนจะเปลี่ยนเป็นล้อ Braids กับยาง Toyo) มีขนาดเต็มซุ้มล้อพอดี ในขณะที่ปลายท่อไอเสียของอู่ Ryan Edwards กูรูที่เคยโด่งดังในวงการมอเตอร์สปอร์ตซึ่งตั้งอยู่ใน Bicester โผล่เลยท้ายรถออกมาให้เห็นหน้าคร่าตากันเล็กน้อยท่อไอเสียช่วงต้นของ 964 เดิมทำให้ไอเสียไหลได้ไม่ค่อยดีเขาบ่นแถมประสิทธิภาพของอะไหล่รุ่นมาตรฐานก็แย่อีก เพราะมันจะต้องมีกล่องแลกเปลี่ยนความร้อนไว้ให้องโดยสาร แถมความยาวเฮดเดอร์แต่ละท่อก็ไม่เท่ากันด้วย ทางเลือกที่เคยมีเพียงอย่างเดียวของเจ้าของ 964 จึงเป็นการเปลี่ยนไปใช้เฮดเดอร์สเปกแข่ง แต่ก็ต้องยอมทิ้งระบบฮีทเตอร์ในรถไปด้วยด้วยความที่ธีมการทำรถของเขาคือต้องเอาดีให้หมดทุกด้าน เขาจึงร่วมมือกับ Ryan เพื่อช่วยกันออกแบบชุดท่อไอเสียระดับ Advance ที่มีตัวแปลกเปลี่ยนความร้อนหลังท่อช่วงต้น ซึ่งทำให้เฮดเดอร์สามารถมีความยาวแต่ละท่อเท่ากันได้ ก่อนที่ไอเสียจะถูกส่งผ่านไปที่ตัวแลกเปลี่ยนความร้อนทรงกระบอกซึ่งถูกออกแบบไว้รองรับแคทตาไลติคคอนเวิร์ทเตอร์ Free flow แบบ 100-200 เซลล์ แล้วด้วย

REINVENTING THE STEEL

ชุดท่อไอเสียใหม่ทำมาจากสแตนเลสเกรด 304 โดยท่อช่วงต้นจะมีความหนา 1.5 มิลลิเมตร เฮดเดอร์แต่ละท่อนหนักแค่ 4.025 กิโลกรัม และเมื่อชั่งรวมท่อไอเสียทั้งเส้นแล้วก็จะประหยัดจากของโรงงานไปได้อีกเกิน 20 กิโลกรัม พวกมันถูกสร้างขึ้นด้วยมาตรฐานสูงสุดๆ พร้อมต้นทุนพัฒนาก้อนโต และประสิทธิผลของโปรเจคท์ลูกรักของ Steve ก็ถูกส่งไปวัดตัวเลขบนแท่นไดโนที่ Superchips ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากจุดที่เรากำลังลิ้มลองผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาเตรียมจะทำออกมาวางตลาดให้เจ้าของ 964 ทุกคนหาซื้อกันได้ง่ายๆ เพียงแค่ขว้างก้อนหินก็ถึงแล้ว

“Superchips ทดสอบรถทั้งก่อนและหลังใส่ท่อไอเสียชุดใหม่เขาเล่าต่อหลังจากใส่ท่อทั้งระบบและอัพเดทซอฟต์แวร์กล่อง ECU เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้รถก็ผลิตแรงม้าได้ 295 ตัว ซึ่งมากกว่าตัวเลขที่ Porsche เคลมไว้ในรุ่น Carrera 2 จากโรงงานถึงเกือบห้าสิบตัวไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเขาถึงคิดว่ามันมีโอกาสสูงมากที่เขาจะทำมันออกมาขายให้พรรคพวกที่เล่น 964 ได้

พอได้ฟังแผนการครองโลกจากปากเจ้าสำนักโมดิฟายแล้ว Al Kingsley เลยบอกกับเราว่าเรามีแผนที่จะเอา 964 สุดหวงของเขาไปที่ Superchips เพื่อจูนกล่องในอีกไม่นานเกินรอนี้เหมือนกัน เพราะจนถึงทุกวันนี้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเช็คให้ชัวร์ว่า 1992 Carrera 4 สีเขียว Amazon Green ของเขาจะใช้งานได้ราบรื่นและไม่มีสิ่งผิดปกติกับมีตัวถังที่สภาพสวยเช้งเหมือนรถใหม่ หลังจากที่เขาได้ทุ่มทั้งเงินทั้งเวลาไล่แก้ไขจุดบกพร่องรถคันนี้มาตั้งแต่วันที่ชื่อของเขาถูกพิมพ์ลงไปบนสมุดทะเบียนแล้ว

กำลังอัดตกไปสองสูบเขาถอนหายใจ เครื่องยนต์จึงต้องถูกรื้อออกมาประกอบใหม่ทั้งตัวกันที่ RPM Technik พร้อมกับเปลี่ยนปั๊มน้ำมันเครื่องใหม่ เดินสายกราวนด์ใหม่ เปลี่ยนแผ่นบุซับเสียง และแผ่นบังความร้อนใหม่ การตัดสินใจสั่งให้ลงมือทำงานพวกนี้เพิ่มเองโดยไม่ต้องรอให้มันเสียอาจจะช่วยทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้พอควร เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องรื้อออกมาไล่ซ่อมใหม่ตั้งแต่เพิ่งได้เป็นเจ้าของมันช่วงแรกๆ และเขาก็สั่งให้ทีม RPM Technik พ่น Powdercoat พัดลมเครื่องยนต์และฝาครอบเป็นสีแดงสดด้วย

เครื่องที่ถูกชุบชีวิตใหม่ถูกทดสอบบนแท่นก่อนเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเต็ม ก่อนที่จะได้กลับไปอยู่ในที่ในทางของมัน ระหว่างรอทดสอบจานเบรกกับผ้าเบรกใหม่ก็จะถูกประกอบเข้ากับคาลิปเปอร์ของเดิมที่ส่งไปบิลท์มาใหม่ (และพ่นเป็นสีแดงเรียบร้อย) ในขณะที่ท่อไอเสียก็ถูกอัพเกรดไปเป็นสปอร์ตแคทฯ และ G-pipe ที่สุ้มเสียงโหยหวนขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังมีปัญหารออยู่อีกไม่ไกล เพราะแค่หกเดือนหลังจากนั้นเกียร์ก็ออกอาการว่าต้องถูกยกลงมาซ่อมแล้ว รถจึงถูกส่งกลับไปที่ RPM Technik อีกครั้งก่อนที่จะคืนกลับไปหา Al แต่หลังจากที่ลูกปืน ซินโครเมท และแท่นเครื่องได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว มันก็ทำให้รถขับกลับออกมาเป็นคนละคันไปเลย

นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 18 เดือนก่อน และตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงตอนนี้ Al ก็เพลิดเพลินกับการซ่อมบำรุงรถที่รูปลักษณ์หน้าตาอยู่ในมาตรฐานสูง เช่นเดียวกับชิ้นส่วนวิศวกรรมภายในที่เขารีบิลท์มาใหม่ ด้านข้างมีแถบคาดประจำรุ่น Carrera 4 ซึ่งบางมุมดูเป็นสีเขียวแต่บางมุมก็ฟ้าขึ้นอยู่มุมของแสงที่ตกกระทบ ในขณะที่ล้อ Fuchs 17 นิ้ว ตรงรุ่นก็ได้รับการจัดหามาและใส่เข้าไปที่ตัวรถเรียบร้อยแล้วด้วย

เรื่องที่เปลี่ยนไปมากที่สุดตั้งแต่เขาได้มันมา ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นความแตกต่างของแนวทางการบูรณะ 964 ให้กลับมาสดชื่นที่ไม่เหมือนกับ James กับ Steve เลือกเดินก็คือ สเปกอุปกรณ์ของห้องโดยสารที่หรูหราเต็มขั้น คุณลองดูหนังหุ้มเบาะสีดำสวยๆ และพรมหนานุ่มที่คลุมพื้นรถอยู่แทบจะทั่วทุกจุดนั่นสิ คุณคงจะแทบจะเดาไม่ถูกเลยว่ารถที่ Al ไปซื้อมานั้นเดิมมีภายผ้าลินินกับพรมพื้นรถที่เน่าสนิท แต่แทนที่จะรื้อทุกอย่างขึ้นจากหลุมศพแล้วใส่เบาะสปอร์ตใหม่ที่กระชับบั้นท้ายมากขึ้นเข้าไปแทน เขาก็เลือกที่จะไปทาง OEM+ เพื่อสั่งทำมันขึ้นมาในรูปแบบพิเศษ โดยไปจ้างอู่ที่เก่งเรื่องการหุ้มเบาะชื่อ Awesome มาช่วยหุ้มเบาะมาตรฐานใหม่ให้เป็นสีดำสนิท พร้อมเจาะรูกลางและเดินด้ายสีตัดกับผืนหนังเพิ่ม ทีมของ Awesome เข้าใจศาสตร์และศิลป์ของการทำภายในให้ Porsche classic ตามคำสั่งดี พวกเขาจึงได้เพิ่มพรมสีดำหนานุ่ม ผ้าบุหลังคา ตัวกันกระแทกเข่า แผงประตู และผ้ายางปูพื้นในเวลาเดียวกัน ก่อนที่จะหุ้มแผงแดชบอร์ด แผงประตูส่วนบน ชั้นวางสัมภาระ ส่วนอะไรก็ตามที่เป็นพลาสติกสีดำเงาก็จะถูกหุ้มด้วยหนังไวนิล Diamante เอาล่ะ..สูตรหลังนี่อาจฟังดูไม่ค่อยน่าจะเวิร์ค แต่ไม่นานหลังจากที Al เปิดผลงานของทีม Awesome ให้ดู ทั้ง James กับ Steve ก็เปลี่ยนฝั่งมาชื่นชมภายในหุ้มหนังใหม่อันนี้ด้วยกันทั้งคู่

FOUR PLAY

รถของเขาเป็นเหมือนคนละสายพันธุ์กับ 964 คันอื่นที่จอดอยู่ข้างๆ ในระหว่างที่เรากำลังถ่ายรูปกันอยู่ เพราะนอกเหนือจากเรื่องอื่นๆ แล้ว ก็มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ได้เปลี่ยนแปลงบุคลิกของ 911 ไปอย่างมากไม่ว่าจะเป็นรุ่นตัวถังไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่าในเวลาส่วนใหญ่รถของ Al จะส่งกำลังไปที่ล้อหลังเป็นหลัก แต่การที่ต้องแบกน้ำหนักมหาศาลของระบบขับเคลื่อนแบบนี้เพิ่ม มันไม่ใช่แนวทางน้อยคือมากแบบที่ James ชื่นชอบ และคนอื่นที่มีคแนวคิดแบบเดียวกันกับเขาก็จัดการแปลง Carrera 4s ให้กลายเป็นขับสองไปกันหมดแล้วด้วย แต่นั่นไม่ใช่ Al ซึ่งดูมีความสุขดีกับการที่จะรักษา Porsche คันงามของเขาให้นยังคงเป็นรถวิ่งทางไกลสมรรถนะสูงเอาไว้แบบนี้ เพราะมันจะไม่มีวันได้ไปดมกลิ่นอายของสนามแข่ง ดังนั้นจึงเลิกคิดเรื่องการขับมันให้ทะลุขีดจำกัดไปได้เลย รถของเขาคือรถสปอร์ตหรูที่มีอุปกรณ์ตกแต่งอัดแน่น แล้วเขาก็ไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนอะไรที่จะต้องหาเรื่องไปทำให้รถสีตัวถังหายากที่ขับได้เพลินๆ ของเขา ต้องกลายเป็นอะไรที่ดุดันมากขึ้นด้วย ถึงแม้ว่าจะนัด Superchips ไว้ในอีกไม่นานเกินรอเพื่อทำให้คันเร่งตอบสนองได้ไวขึ้นและมีม้าเพิ่มขึ้นมาอีก 2-3 ตัวก็เถอะ

หลังจากโดดขึ้นโดดลงรถแต่ละคันและได้สนุกกับผลพวงจากแนวทางการแต่ง Porsche ที่ต่างกัน 3 แนวอย่างชัดเจน สำหรับเรามันชัดเจนว่าทำไม James, Steve และ Al ถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาแต่ง 964 ของพวกเขาให้เหมาะกับความต้องการและตัวตนนักขับของแต่ละคน เจ้าคลาสสิคยุคระบายความร้อนด้วยอากาศทั้งสามเกลอได้ทำให้เราเห็นแล้วว่า แพลตฟอร์ม 964 นั้นยืดหยุ่นได้มากขนาดไหน และสาเหตุที่ทำให้มันเป็นตัวเลือกอันยาวนานของนักโมดิฟายที่ใจรักกับผู้ผลิตชิ้นส่วนแต่ง เราขอฉลองให้กับตำนานที่จะดำเนินต่อไปในอีก 30 ปี ข้างหน้า ขอให้มีแต่รุ่งโรจน์และรุ่งเรืองไปเลย!

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *