BOXSTER – e

บทความโดย ชญานิน โชติชมภูพงษ์
ภาพถ่ายโดย นินาท เทียบเทียม

ตอนนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่ากำลังเข้าใกล้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเข้าไปทุกที แต่คำถามคือเราพร้อมหรือยังสำหรับการเปลี่ยนแปลง แต่ความนำสมัยและไม่ชอบตามใครของ คุณวิษณุ วงศ์วีระนนท์ชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท S.C.S FOOTWEAR ที่นอกจากวางแผนการตลาดของผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังสำหรับรองรับเท้าคนไทยมายาวนานแล้ว ยังมองการณ์ไกลถึงเรื่องของพลังงานนี้ จึงไม่ลังเลที่จะผสมผสานรถเปิดหลังคายุคก่อนที่เขาชื่นชอบกับพลังงานในอนาคตได้อย่างลงตัวเป็นคันแรกของเอเชีย

ความพิเศษของ BOXSTER ที่ผมชอบคือมันเป็นรถที่สามารถเปิดหลังคารับลมได้ เราจะใกล้ชิดกับวิวสองข้างทางได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว และมันก็มีการตอบสนองในเรื่องของเครื่องยนต์และการขับขี่ที่ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งตอนที่ผมได้รถคันนี้มาก็ชอบมันนะเขากำลังพูดถึงรถเครื่องสูบนอนวางกลางที่ได้ชื่อว่ามีบาลานซ์ดีที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง ที่สำคัญมันยังสามารถทำให้เส้นผมของคุณสัมผัสกับสายลมอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาที่รถพวกนี้โปรดปรานมาก แต่สำหรับคันนี้ความพิเศษของมันไม่ใช่แค่นั้น รูปลักษณ์ภายนอกของมันก็ดูไม่ต่างจาก BOXSTER คันอื่น ถ้าไม่สังเกตว่าที่ด้านท้ายของมันไร้ซึ่งปลายท่อไอเสียแต่แทนที่ด้วย e-logo เป็นการแสดงออกถึง ความรักษ์โลก

ไม่ใช่แค่เพียงการเอาปลายท่อไอเสียออก ระบบขับเคลื่อนของ BOXSTER คันนี้ยังไม่มีการสันดาปเชื้อเพลิงเกิดขึ้นอีกต่อไป เมื่อมันถูกแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 165 แรงม้าจริง แล้วเริ่มต้นเนี่ยผมอยากจะอัพเกรดมันด้วยการใส่เทอร์โบเข้าไปมากกว่า จนมาวันหนึ่งผมเกิดนึกถึงรถคันหนึ่ง สมัยน่าจะสักประมาณ 10 ปีที่แล้ว เป็น SUBARU IMPREZZA ที่ฝรั่งเขาใส่มอเตอร์ไฟฟ้าลงไป ผมก็เริ่มหาข้อมูลว่าถ้าเป็น BOXSTER 986 ที่ใช้เครื่องยนต์สูบนอนเหมือนกันเนี่ย ผมจะใส่มอเตอร์ไฟฟ้าได้ไหม ปรากฎว่าทันทีที่เสิร์ชเข้าไปดูเนี่ยเขาทำกันเต็มเลย ก็เลยมองดูว่ามันก็ไม่น่ายากนี่ถ้าเรายากจะมีแบบนี้สักคันนึง เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีในการทำเนี่ยมันก็แพร่หลายมาก ผมก็ชอบศึกษาหาข้อมูลอะไรไปเรื่อยๆ ซึ่งสมัยนี้สามารถหาข้อมูลได้ไม่ยาก ใครๆ เขาก็ทำเทอร์โบ ผมก็มองว่าทำทั้งที ทำแล้วให้มันแปลก ให้มันใหม่ไปเลยดีกว่า ผมก็ริเริ่มเป็นการจุดประกายให้คนไทยเริ่มหันมาให้ความสนใจกับรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า มันน่าสนุกกว่า และเท่าที่ดูแนวโน้มในปีต่อไปน่าจะมีรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น และก็ปรึกษากับทางสำนัก PORSCHE PAL ก็ได้ข้อมูลต่าง ที่น่าสนใจ เราจึงเริ่มโปรเจ็คต์นี้ขึ้นมาเมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว

ผมเป็นคนที่ค่อนข้างเรื่องมาก เลยรีเควสสิ่งที่ต้องการกับทางพี่ต่อแห่งสำนัก PORSCHE PAL ที่ดูแลโปรเจ็กต์นี้ไปเยอะนิดหนึ่ง คือผมอยากจะรักษาภาพลักษณ์ทุกอย่างของ PORSCHE ให้เป็นออริจินัล โดยที่ผมไม่อยากมีแบตเตอรี่ไว้โชว์เยอะ และเป้าหมายคือเป็นรถ Daily Use ที่ผมสามารถใช้งานได้ทุกวัน ซึ่งปกติผมก็จะใช้รถวันละประมาณ 60 กิโลเมตรต่อวันโดยประมาณ ก็วางแผนให้วิ่งได้อย่างน้อย 3 เท่า นั่นก็คือโจทย์หนึ่งที่รถคันนี้ต้องวิ่งได้อย่างน้อย 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งนั่นผมคำณวนแล้วว่าผมสามารถไปกลับบ้านและที่ทำงานรวมถึงแวะที่ไหน ในระหว่างวันวันหนึ่งของผมได้แบบสบาย

200 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เป็นการบ้านที่ PORSCHE PAL ต้องคิดหลายตลบว่าจะจัดการกับอุปกรณ์รวมถึงแบตเตอรี่จำนวนมากเพื่อให้วิ่งได้ระยะทางเท่านั้นอย่างไร หลังจากคำนวนเลือกอุปกรณ์จนได้ข้อสรุปที่มอเตอร์ขนาด 165 แรงม้า ที่มีคุณสมบัติเด่นคือจะมีมอเตอร์ 2 ตัวบนชุดแกนเพลาเดียวกันช่วยให้กำลังอย่างต่อเนื่องและมีขนาดไม่ใหญ่มาก ก็ตัดปัญหาเรื่องของต้นกำลังไป งานต่อมาคือการเชื่อมระหว่างตัวมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับชุดเกียร์ โดยชุดเกียร์ที่นำมาใส่ก็เป็นเกียร์ธรรมดา ซึ่งหากจะทำแบบลวก ที่เอาแผ่นเหล็กมาเจาะรูยึดไปกับชุดเกียร์ธรรมดานี้ก็ไม่ใช่วิถีของ PORSCHE PAL ที่นอกจากการใช้งานได้อย่างดีแล้วต้องมีความเนี๊ยบควบคู่กันไปด้วย ก็เลยทำการออกแบบและหล่ออัลลอยด์ขึ้นมาเป็นชุดอแดปเตอร์ที่ทำหน้าที่ล็อกตำแหน่งมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดเกียร์เข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงชิ้นส่วนอีกหลายต่อหลายชิ้นทียังต้องพึ่งพาการ CNC เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่เรียบร้อยที่สุด

งานช้างอีกอย่างของการทำเจ้า Boxster คันนี้ให้วิ่งได้ไกลเกินกว่า 200 กิโลเมตร คือพื้นที่สำหรับติดตั้งแบตเตอรี่ ซึ่งด้วยความที่เดิมเป็นรถเครื่องยนต์วางกลางทำให้มีพื้นที่ใช้สอยน้อยอยู่แล้ว จึงต้องอาศัยการบริหารตำแหน่งการจัดวางแบตเตอรี่ให้ได้ตามที่ต้องการ โดยเลือกสร้างเป็นกล่องไว้สำหรับติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ใต้ช่องเก็บหลังคาผ้าใบหลังเบาะคนขับ เท่ากับว่าตอนนี้น้ำหนักของชุดขับเคลื่อนที่ใส่เพิ่มเข้าไปก็จะตกอยู่ที่กลางรถ เหมือนกับตอนที่มันยังใช้เครื่องยนต์อยู่ เพื่อไม่ให้บาลานซ์ของรถเสียไป และฟีลลิ่งในการขับต้องใกล้เคียงเดิมระบบพวงมาลัยก็ยังใช้แร๊คไฮดรอลิกส์ของเดิมแต่ใช้ปั๊มไฟฟ้าในการสร้างแรงดันในระบบแทนปั๊มแบบกลไก รวมถึงระบบแอร์ก็ยังสามารถใช้งานได้จากคอมแอร์ไฟฟ้าที่มีการคำนวณการทำงานมาสำหรับรถคันนี้โดยเฉพาะ

เรื่องของความปลอดภัย แน่นอนว่าระบบไฟฟ้าระดับนี้ถ้าเกิดผิดปกติขึ้นมานั้นก็อันตรายทีเดียว ดังนั้นนอกจากบรรดาอุปกรณ์ต่าง ที่ต้องเลือกใช้ของที่ได้มาตรฐานในเกรดที่ใช้สำหรับรถ EV เท่านั้นมาใช้งานแล้ว ระบบฟังก์ชั่นต่าง ถูกเขียนขึ้นมาเป็นโปรแกรมสำหรับป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบตัดไฟอัตโนมัติในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุ หรือแม้กระทั่งน้ำท่วม ซึ่งตรงนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ถ้าเกิดแล้วมันต้องปลอดภัย!

หลังจากวิจัยและพัฒนาอยู่ร่วม 6 เดือน PORSCHE PAL ก็ช่วยสานต่อความต้องการของเจ้าของรถได้สำเร็จ ด้วยแรงม้าเกือบ 200 แรงม้า กับแรงบิดที่ใกล้เคียงเครื่องยนต์เดิม แต่ไม่ต้องรอรอบเลย ความแตกต่าง ได้เรื่องความเงียบและก็แรงบิดที่มาตั้งแต่ทันทีที่กดคันเร่ง ถ้าต้องพึ่งกำลังจากเครื่องยนต์เราอาจต้องรอรอบถึงช่วงเพาเวอร์แบนด์ของมันถึงจะสร้างแรงดึงให้รู้สึก แต่สำหรับกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้านั้นทันทีที่กระแสไฟฟ้าถูกจ่ายเข้าไปยังตัวมอเตอร์มันก็สามารถหมุนเอาพละกำลังสูงสุดเท่าที่มอเตอร์จะสามารถสร้างได้ออกมาใช้ได้ทันที   

ปัจจุบันมันถูกใช้งานอย่างสบายอารมณ์ตามความต้องการของเจ้าของรถ ตำแหน่งที่เคยเป็นที่อยู่ของคันเกียร์ Tiptronic ตอนนี้กลายเป็นปุ่มกดที่จะใช้จัดการระบบขับเคลื่อนให้เดินหน้าหรือถอยหลังผ่านปุ่มกดเพียงเท่านั้น ในส่วนของระบบแอร์ พวงมาลัยเพาเวอร์ ก็ยังคงสามารถใช้งานได้ปกติ และที่สำคัญโดยภาพรวมมันยังคงมีเสน่ห์ในแบบของ Boxster ในชนิดที่ว่าถ้าไม่สังเกตุคุณก็แทบจะไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง จนกว่ามันจะกระโจนออกจากจุดหยุดนิ่งไปแบบเงียบกริบ มีแต่เสียงยางที่บดไปกับเม็ดกรวดบนพื้นถนน กับเสียงมอเตอร์ที่หมุนราวกับรถบังคับเพียงเท่านั้น และสำหรับโปรเจกต์ต่อไปของพวกเขาคือต้องการจะทำให้มันแรงขึ้น แต่ข้อเสียของมันคือจะทำให้วิ่งได้น้อย ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ในขั้นตอนวิจัยและพัฒนาอยู่ว่าจะพลิกแพลงยังไงกับพลังงานทางเลือกนี้ได้อีก ซึ่งไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นเจ้า Boxster พลังไฟฟ้านี้ไปวิ่งอยู่บนสนามแข่งที่ไหนสักแห่งก็ได้

มันดูเป็นทางเลือกที่คล้อยตามไปกับคอนเซ็ปท์ของโลกยุคใหม่ ในขณะที่ค่ายรถต่างให้ความสำคัญกับรถพลังงานไฟฟ้า แต่ก็มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการอันชาญฉลาดที่มักจะเข้ามาแทรกแซงการเข้าถึงกันระหว่างรถและคนขับ ในบางครั้งมันยังกีดกันไม่ให้ขับไปต่อเลยก็มี แต่การใส่มอเตอร์ไฟฟ้าลงไปใน 986 คุณจะได้รถที่มีเอกลักษณ์ในแบบของมันเอง แต่มีความล้ำสมัยจากพลังงานไฟฟ้าที่สามารถใช้งานได้ในทุกวัน โดยปราศจากระบบอิเล็กทรอนิกส์มาคอยควบคุมการขับขี่ นั่นหมายถึงคุณยังสามารถควบคุมมันได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการใส่มอเตอร์ไฟฟ้าลงไปนั้น มันก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับบรรดารถที่ยังต้องการคงเอกลักษณ์ไว้ รวมถึงบรรดารถคลาสสิกที่อยากใช้งานทุกวันอีกด้วย

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *