Descendants of 911

PORSCHE 911 Carrera S Driving Experience 2019

การมาถึงของ 911 รุ่นล่าสุด เป็นโปรเจ็กต์ทิ้งทวนของ August Achleitner หรือ Mr.911 ที่เพิ่งเกษียณไป มันจะยอดเยี่ยมกว่าบรรพบุรุษของมันไหม เป็นสิ่งที่เราจะไปหาคำตอบกันที่สนามปทุมธานีสปีดเวย์

August Achleitner เขาคือคนที่พลิกโฉมของ 996 ที่กำลังกระท่อนกระแท่นจากไฟหน้าไข่ดาว ให้ออกมาเป็น 997 ที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นรวมถึงเป็นผู้รับผิดชอบโปรเจ็กต์ 911 มาจนถึงเวลาที่เขาต้องเกษียณในปีนี้ เขาก็ได้ฝากผลงานมาสเตอร์พีชไว้เป็นการทิ้งทวนด้วย 911 เจนเนอเรชั่นที่ 8 การเห็นมันครั้งแรกจากการเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้เราตั้งหน้าตั้งตารอสัมผัสสมรรถนะของยนตกรรมรุ่นล่าสุด และที่อยากรู้ว่ามันขับเป็นยังไง? ซึ่งทันทีที่ AAS AUTO SERVICE ตัวแทนจำหน่าย PORSCHE อย่างเป็นทางการจัดกิจกรรม ‘PORSCHE 911 Carrera S Driving Experience 2019’ เพื่อทดสอบสมรรถนะของเรือธงรุ่นล่าสุดอย่าง 911 (992) นั้น ทางทีมงาน GT PORSCHE ก็ไม่รอช้าที่จะตอบรับคำเชิญชวนนี้เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม

การต้อนรับจาก 991 รุ่นล่าสุดสี Racing Yellow ที่จอดเป็นดิสเพลย์อยู่ข้างสนามให้เราได้เก็บภาพกันเป็นครั้งแรกแบบใกล้ชิดนั้นเป็นรุ่น Carrera 4S ที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ ช่วยเรียกอะดรีนาลีนให้พลุ่งพล่าน แต่รถที่เราจะได้หวดกันในสนามก็เป็นรุ่น Carrera S ที่มีชุดเพลาขับเคลื่อนแค่สองล้อหลังเท่านั้น ถึงแม้ทั้งสองคันจะดูแทบไม่แตกต่างไปจากบรรพบุรุษของพวกมัน แต่ความจริงก็คือภายใต้การพลิกโฉมนี้จะทำอย่างไรให้ยังคงสัดส่วนของความเป็นกบไว้เช่นเดิม ซึ่งมันก็เป็นงานหินไม่เบา ที่จะทำให้มันดูแตกต่างจากรุ่นก่อนมากกว่าแค่ภายนอก โดยเมื่อเปิดดูจากสเป็คของโรงงานมิติของมันถูกเพิ่มทั้งความกว้างและความยาว รวมถึงการเพิ่มสถาปัตยกรรมเข้าไปให้กับภายในที่ถูกออกแบบใหม่หมด หน้าจอทัชสกรีนขนาด 10.9 นิ้ว ที่อยู่ตรงกลางคือความล้ำสมัยที่ทำให้มันแตกต่างไปจากรุ่นก่อน และแม้ว่ามันจะอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีต่าง แต่มาตรวัดแบบเข็ม และตำแหน่งการนั่งที่เตี้ยจนแทบจะนั่งอยู่บนพื้นรถ ยังคงเป็นกลิ่นอายของ 911 ที่ยังคงรักษาไว้ได้อย่างตรงไปตรงมา แต่ประเด็นคือมันจะขับดีเหมือนบรรดารุ่นพี่ของมันหรือเปล่า    

กิจกรรมเริ่มการทดสอบตังแต่หัววันด้วยคำแนะนำของอินสตรัคเตอร์มืออาชีพดีกรีนักแข่งที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ในสนามที่ถูกแบ่งเป็น 3 สถานี 

-Handling เป็นสถานีทดสอบในสนามแข่งที่ถูกเซ็ทอัพขึ้นมาหลากหลายรูปแบบ เราเริ่มทำความคุ้นเคยกับสนามในรอบแรกด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก การตอบสนองของเครื่องยนต์  6 สูบนอนใน Carrera S ใหม่ที่ชิ้นส่วนภายในเครื่องส่วนใหญ่ก็ยกยวงมาจากรุ่นก่อนนั่นแหล่ะ แต่มีการเปลี่ยนอุปกรณ์รอบข้างใหม่หมด มีการอัพเกรดเทอร์โบขนาดใหญ่ ทำให้มีแรงม้าถึง 450 แรงม้า 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.7 วินาที ซึ่งทางโรงงานเคลมไว้ว่าสามารถไปได้ถึง 308 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดูเหมือนจะทำได้ลื่นไหลมากกว่าเดิม เพราะเทอร์โบและเกียร์ลูกใหม่ ที่ทำให้การใช้งานนั้นครอบคลุมมากกว่าเดิม  ในเกียร์ต่ำต่อกันอย่างต่อเนื่อง และในเกียร์สูงก็อัตราทดก็ต่ำลงอย่างน่าพอใจ การเปลี่ยนเกียร์ราบลื่นจนคุณแทบจะไม่รุ้สึกอะไรนอกจากเสียงของรอบเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนไปตามเข็มวัดรอบ ช่วงล่าง Porsche Active Suspension Management (PASM) ให้ความรู้สึกเฟิร์มแต่ก็ให้ความนุ่มนวลดี มอบการทรงตัวและตอบสนองของพวงมาลัยที่รวดเร็วไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของสนาม   

ในรอบที่สองเราเริ่มเดินคันเร่งหนักขึ้นภายใต้ความเร็วที่ยังปลอดภัยสำหรับสนามปทุมธานีที่ไม่มีพื้นที่สำหรับความผิดพลาดเท่าไหร่นัก ทำให้เรากำลังทึ่งกับเรี่ยวแรงที่มหาศาลในโหมด Sport Plus พวงมาลัยที่ทดมาให้ไวและคมขึ้นกว่ารุ่นพี่มัน ก็เริ่มแสดงตัวตนถึงความเป็นรถที่ขับสนุก เมื่อต้องเดินคันเร่งแบบหนัก   บุคลิกของรถยังคงไม่มีท่าทีของการพยศใด ออกมาให้เห็น แม้จะขัดความรู้สึกของเครื่องรถวางท้าย ที่ตอนเติมคันเร่งในโค้งยาวๆ จะพยามยามให้ท้ายออกไปนอกลู่นอกทาง แต่ระบบช่วยเหลือก็ทำงานได้อย่างรวดเร็ว อาการหน้าดื้อโค้งเมื่อเริ่มเลี้ยวแรงๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับ 991 หายไป มันสามารถให้เราจับมันเข้าไปสู่เอเป็กของโค้งได้อย่างตรงไปตรงมา ด้วยช่วงล่างที่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์มาช่วยเหลือเต็มไปหมด

-Braking ในสถานีนี้จะเป็นการทดสอบระบบเบรก โดยอินสตรัคเตอร์ให้เรากดคันเร่งเต็มจากจุดหยุดนิ่งพุ่งเข้าหากำแพงไพล่อน ที่เซ็ทอัพให้เป็น Lane Change พริบตาเดียวความเร็วก็อยู่ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่หน้ารถจ่ออยู่กับกำแพงกรวยในระยะไม่เกิน 10 เมตร การเบรกอย่างหนัก ทำให้ล้อหน้าไถลไปก่อนที่ ABS จะทำงานเพียงเสี้ยววินาที ซึ่งนั่นคุณยังสามารถทำไปพร้อมกับการหักพวงมาลัยเพื่อหลบกำแพงกรวยไปได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมัน เมื่อน้ำหนักเทมาด้านหน้าเฉลี่ยกันได้อย่างดีกับเครื่องที่อยู่ท้ายทำให้สมดุลแล้วเข้าโค้งไปอย่างว่านอนสอนง่าย ทำให้ควบคุมรถหลบสิ่งกีดขวางอย่างต่อเนื่อง ด้วยระบบเบรกที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลก ที่จะสร้างความมั่นใจและปลอดภัยได้ทุกสถานการณ์

-Slalom ต่อเนื่องในสถานีสุดท้ายด้วยการเลี้ยวต่อเนื่องในโค้งแคบ ที่จะทดสอบความแม่นยำและตอบสนองของช่วงล่าง Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ที่ใน 992 มีระบบเลี้ยวล้อหลังและนี่เป็นรุ่นแรกของโลกที่มีโหมดการขับขี่แบบ Wet Mode เพิ่มขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือการขับขี่และเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวบนถนนเปียกลื่น ในบททดสอบนี้ระบบเลี้ยวสี่ล้อทำให้มั่นใจได้ว่ามันเป็นรถที่คุณสามารถควบคุมได้ง่ายมาก แม้ในโค้งแคบต่อเนื่องที่มีความเร็วมาคอยถีบท้ายให้ออกไปนอกรัศมี คุณจะไม่ต้องงัดวิทยายุทธ์การขับขี่มาใช้มากนักเพียงแค่แก้พวงมาลัยเล็กน้อยเท่านั้น รถทั้งคันก็พร้อมตั้งลำให้พร้อมพุ่งไปสู่โค้งต่อไปอย่างเพอร์เฟ็กต์

มันเป็นการทดสอบสั้นๆ แต่ก็สามารถเรียนรู้อุปนิสัยของ 992 ได้ดีพอควร ถึงตอนนี้ August Achleitner ก็สามารถยิ้มรับได้อย่างภาคภูมิใจที่ลูกค้าของเขาจะได้รับการสืบทอดตำนานของ 911 ภายใต้ตัวถังอันหล่อเหลากับบรรดา เทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่ทำให้มันเร็วขึ้น และที่สำคัญยังสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีกว่าที่เคยด้วยความสะดวกสบาย และในการทดสอบถึงแม้ว่าเราไม่เลือกที่จะปิดระบบช่วยเหลือทั้งหลาย ทั้งนี้เพราะเรายังไม่รู้จักนิสัยใจคอที่แท้จริงของมัน แต่ก็มั่นใจว่าการปิดระบบช่วยเหลือที่คอยกลบเกลื่อนตัวตนของมันไว้ จะทำให้ท้ายคุณสไลด์ และดริฟท์โชว์ได้จนยางหลังคุณหมด มันจะมอบประสบการณ์ที่ทำให้คุณมีส่วนร่วมกับมัน อย่างที่ PORSCHE ตั้งใจอยากให้เป็นตั้งแต่ปี 1963

สำหรับตอนนี้ AAS AUTO SERVICE เปิดตัวมาเพียง 911 Carrera S และ 911 Carrera 4S  ทั้งสองรุ่นใช้เกียร์ PDK 8 Speed ด้วยราคาเริ่มต้น 11.8 ล้านบาท ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะมีเวอร์ชั่น Carrera ธรรมดาที่แรงม้าน้อยกว่า หรือรุ่นเกียร์ธรรมดาสำหรับนักขับที่ชื่นชอบการขับขี่แบบดิบ ตามมาหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเป็น 911 (992) รุ่นไหนก็เป็นเรื่องที่วิเศษที่ในวันนี้มันยังคงสืบทอดจิตวิญญาณของ 911 ได้อย่างสมบูรณ์

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *