Four Play | 996 VS 997 C4S

เรามาโอบกอดประสบการณ์ขับเคลื่อนสี่ล้อจาก 996 และ 997 Carrera 4S คู่หูราคาเป็นมิตรจากหน้าประวัติศาสตร์ของ 911 เมื่อเร็วๆ นี้กัน

มันไม่ใช่เรื่องแปลกในตอนนี้ที่จะพูดถึง Porsche แบบ All-wheel drive เพราะรถรุ่นที่วางขายอยู่ทั้ง Macan และ Cayenne ต่างก็มีเพลาสองชุดครบทุกรุ่นย่อย เช่นเดียวกับ Panamera ส่วนมากและ 911 รหัส 992 อีกกลุ่มนึง บรรดาลูกค้าของผู้ผลิตรายนี้ก็ถูกปรนเปรอด้วยออพชันเกาะถนนไว้ก่อนกันจนชินไปแล้ว เพราะฉะนั้นมันก็คงจะถึงเวลาที่ 911 ขับสี่รุ่นเก่าๆ ควรจะได้รับการเชยชมในสิ่งที่มันมีให้มากกว่าลูกพี่ลูกน้องรุ่นขับหลังของมันได้แล้ว

ย้อนกลับไปในปี 1989 ตอนงานเปิดตัว 964 ชื่อ Carrera 4 ถูกนำมาให้ตลาดรู้จักเป็นครั้งแรก มันใช้เฟืองดิฟเฟอเรนเชียลกลางแบบ Planetary ซึ่งเรียบง่ายแต่ใช้การได้ดี และนับเป็นการก้าวแรกของ 911 ระบายความร้อนด้วยอากาศในโลกขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่ถ้าไม่นับชุดขับเคลื่อนสี่ล้อที่ว่า หน้าตาของมันก็แทบจะไม่มีอะไรต่างจากลูกพี่ลูกน้อง Carrera 2 ของมันเลย จากนั้นพอ 993 Carrera 4 ตามออกมาในปี 1994 มันก็ยังคงเดินตามแนวทางเดิม โดยมีเฉพาะคาลิปเปอร์เบรกสีพิเศษกับโคมไฟเลี้ยวเคลือบสีเท่านั้นที่เป็นจุดแตกต่างจาก Carrera รุ่นมาตรฐาน ส่วน 992 Carrera 4 กับ Carrera 4S รุ่นล่าสุดก็ยังคงเรียบง่ายเหมือนเดิม ด้วยการที่ใช้โครงตัวถังจาก Carrera รุ่นพื้นฐานด้วยกันทั้งคู่

ความเรียบง่ายอาจจะเหมาะกับลูกค้าบางกลุ่มก็จริง แต่ช่วงช่องโหว่ระหว่างเจนเนอเรชันที่พูดถึงไปเมื่อกี้เป็นช่วงที่ Porsche เลือกจะทำอะไรแปลกใหม่ดูบ้าง 996 กับ 997 Carrera 4S เจนเนอเรชันแรกถูกวางตำแหน่งเอาไว้เหนือ 911 รุ่นปกติขึ้นไปหนึ่งระดับ แต่พวกมันก็เป็น 911 ระบายความร้อนด้วยน้ำยุคแรกที่ดุร้ายที่สุดในฟากที่ไม่ใช่ Turbo กับ GT3 ด้วย ทั้งคู่เมินเฉยต่อตัวถังแบบมาตรฐานของรถรุ่นขับสองเพื่อหันไปหาตัวถังบั้นท้ายดินระเบิด ทั้งคู่มีพละกำลังสูงและใช้เครื่องความจุใหญ่กว่า Carrera รุ่นพื้นฐาน ซึ่งทำให้สามารถดีดตัวไป 60 ไมล์/ชั่วโมง ในเวลาไม่ถึง 5 วินาที ทั้งคู่ให้ความมั่นใจเต็มเปี่ยมเวลาอยู่บนถนนลื่นได้ตามตำราของรถขับสี่ และเรื่องที่ดีที่สุดก็คือ ตอนนี้เจ้าม้าเหล็กกล้ามโตเสียงลั่นทุ่งพวกนี้สามารถเป็นของคุณได้ในราคาไม่ถึง 20,000 ปอนด์ เท่านั้น

ถึงปรัชญาที่เป็นหัวใจหลักของ 4S จะหมายถึงการที่มันมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่เกียร์ของ 996 กับ 997 เจนเนอเรชันแรกก็ใช้เหมือนกันหมดทุกรุ่น ซึ่งก็หมายความว่ามันจะเหมือนกับของ Carrera 4 ในเจนเนอเรชันที่ตรงกับมันตามลำดับ รูปแบบจึงเป็นการใส่อุปกรณ์เพิ่มเติมลงไปบนชุดเกียร์เดิมของ 996 กับ 997 Carrera (ทั้งรุ่นขับสองและขับสี่) แล้วต่อเพลากระจายกำลังมาทางด้านหน้ารถเพื่อเชื่อมเข้ากับชุดเฟือง ZF ที่ใช้ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า มันประกอบไปด้วยชิ้นส่วนสำคัญสองอย่างคือ เฟืองดิฟเฟอเรนเชียลแบบเปิด และชุด Viscous coupling ซึ่งตัวหลังนี้เองที่เป็นตัวการหลักในการทำให้ 911 ตะกายสี่เท้าสามารถปรับสัดส่วนกำลังที่ส่งมาล้อหน้าได้อย่างแปรผัน

กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นแบบอัตโนมัติ สัดส่วนกำลังที่ส่งไปล้อหน้าจะปรับตามความเร็วที่ไม่เท่ากันระหว่างเพลาขับหน้ากับหลัง ซึ่งเชื่อมถึงกันด้วยรูเล็กๆ จำนวนมากภายในตัว Viscous coupling ซึ่งหมุนติ้วอยู่ในของเหลวที่ไวต่ออุณหภูมิ เมื่อไหร่ที่เพลาขับหมุนเร็วขึ้น ของเหลวก็จะเริ่มอุ่นจนกลายเป็นแข็งหนืด ทำให้สามารถส่งกำลังจากล้อหลังที่หมุนเร็วกว่าในตอนนั้นไปหาล้อหน้าได้ ระบบของ Porsche นั้นจะมีกำลังส่งไปที่ล้อหน้าอยู่ราว 5% อยู่ตลอดเวลา แต่ตัวเลขจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปพร้อมกับความเร็วจนถึง 30% ที่ความเร็ว 155 ไมล์/ชั่วโมง และบางทีก็ดีดไปเป็น 40% ในเวลาที่ล้อหลังลื่นไถล

ตำแหน่งของชุดเฟือง Coupling จะอยู่บนเพลาหน้า ต่างจากระบบ all-wheel drive เดิมที่ใช้ใน 964 กับ 993 Carrera 4 ที่อยู่กึ่งกลางรถ ซึ่งทำให้ 996 กับ 997 สามารถแขวนเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์ทิปโทรนิค 5 จังหวะไว้ที่ท้ายรถได้ ราคาค่าตัวระหว่างระบบส่งกำลังทั้งสองแบบนี้ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ ซึ่งก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มของ Carrera 4S ยืดหยุ่นได้มาก

 

 

CHANGE OF SCENERY

เอาล่ะพื้นฐานเทคโนโลยีต่างๆ ก็อธิบายกันไปเป็นที่เรียบร้อย เราก็น่าจะพุ่งตรงไปถึงเรื่องที่ทำให้เจ้า 4S เป็นเครื่องจักรสุดพิเศษกันได้เลย แต่เพื่อตอบคำถาม เราจะต้องพาคุณย้อนอดีตไปในช่วงปลายยุค 1990s เพื่อฟังเสียงบ่นระงมเรื่อง 911 เจนเนอเรชัน 996 กับไฟหน้าไข่ดาวของมันกันเสียก่อน มันคือผลงานรถยุคระบายความร้อนด้วยน้ำคันแรกๆ ของ Harm Lagaay นักออกแบบผู้อยู่เบื้องหลัง 924, 968, 993, Boxster และ Cayenne ซึ่งประกอบไปด้วยเส้นสายที่พลิ้วไปทั้งคัน และใช้ดีไซน์ด้านหน้าร่วมกับ Boxster รุ่นแรก และนั่นก็ทำให้เจ้าของรถ นักรีวิว และสาวกของแบรนด์ไม่ปลื้มกันสักเท่าไหร่

พอถึงเวลาที่จะต้องออกแบบรุ่นท้อปอย่าง Turbo Porsche จึงตัดสินใจเดินอีกทางนึง เส้นสายกลมกลึงถูกโยนทิ้งไปแล้วแทนที่ด้วยไฟหน้าที่มีมุมแหลม กันชนหน้าดีไซน์ใหม่ (พร้อมช่องดักลมอันเขื่องสามช่องและสปอยเลอร์หน้า) ส่วนท้ายรถก็มีการปรับปรุงไฟท้ายเล็กน้อย และเติมครีบระบายอากาศ 3 บั้ง ที่มุมล่างสุดของกันชน สิ่งที่สวยงามที่สุดคือการที่ด้านข้างของมันมีการรวมสเกิร์ตทรงสวยเข้าเป็นชิ้นเดียวกับซุ้มล้อหลังที่กว้างกว่า Carrera รุ่นมาตรฐานอยู่ถึง 6 เซ็นติเมตรเต็มๆ

ตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา แฟน Porsche ก็ไม่ต้องควักเงินแพงสุดเพื่อลุคดุดันก้าวร้าวใหม่ล่าสุดอีกต่อไป เพราะที่ราคาขายปลีกแพงขึ้น 2,610 ปอนด์ จาก Carrera 4 รุ่นมาตรฐาน คุณก็จะได้ Carrera 4S ซึ่งเอาหน้าตาของรุ่น Turbo มาเกือบหมด ภายนอกมีแค่สปอยเลอร์ไฟฟ้าของ Carrera แผงทับทิมคาดยาวตลอดท้าย และซุ้มล้อหลังที่ไม่ครีบระบายอากาศเท่านั้นที่เป็นจุดสังเกตในการแยกรถรุ่นหายใจเองออกจากรุ่นเทอร์โบเต็มสูบ แม้แต่ตอนนี้ที่มันเปิดตัวมาตั้ง 17 ปี แล้ว Carrera 4S ก็ยังดูเอาเรื่องเอาราวอยู่เหมือนเดิม

และมันไม่ใช่แค่หน้าตาอย่างเดียวที่ทั้ง Turbo กับ Carrera 4S เหมือนกัน แต่เจ้ารถรุ่นหายใจเองยังขอยืมล้อ 18 นิ้ว ลายเดียวกันกับลูกพี่ลูกน้องพ่วงระบบอัดอากาศของมันมาด้วย ล้อลายห้าก้านบิดชุดนี้วัดความกว้างด้านหน้าได้ 8 นิ้ว ด้านหลังได้ 11 นิ้ว สวมยางขนาดเดียวกับรุ่น Turbo ที่หน้ากว้าง 225 และ 295 ตามลำดับ พร้อมจานเบรกเจาะรูขนาด 330 มิลลิเมตร และคาลิปเปอร์โมโนบล็อคสี่สูบสถิตย์อยู่ที่มุมแต่ละฝั่งของตัวรถ ในขณะที่ช่วงล่างก็ใช้ชิ้นส่วนจากรุ่น Turbo ซึ่งทำให้มันหนึบขึ้นและเตี้ยกว่า Carrera รุ่นอื่นๆ อยู่ 10 มิลลิเมตร

พละกำลังมาจากเครื่องยนต์หกสูบนอน 3.6 ลิตร หน้าตาคุ้นเคยในเวอร์ชัน 316 แรงม้า แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเครื่องยนต์บล็อกนี้กับไฟหน้าทรงใหม่จะอยู่ใน 996 Carrera ทุกรุ่นย่อยที่ผลิตหลังจากปี 2002 แต่มันก็มีเพียงแค่ 4S รุ่นเดียวเท่านั้นที่เคลมได้ว่าฮาร์ดแวร์ของมันมีความเกี่ยวข้องกับรุ่น Turbo อย่างแท้จริง มันขายเฉพาะตัวถังแบบคูเป้ในช่วงปี 2002 กับ 2003 และพอปี 2004 ก็มี Carrera 4S Cabriolet ออกมา ซึ่งเจ้าขับสี่รุ่นเปิดหลังคานี่ตามแผนควรจะเป็นพระเอกตัวปิดฉากของ 4S และตระกูล 996 ทั้งโขยง

911 ตายแล้ว 911 จงเจริญ! เพราะพอปลายปี 2004 ความสนใจทั้งโลกก็กำลังง่วนอยู่กับ 997 รุ่นใหม่และเทคโนโลยีอันซับซ้อนของมัน และทุกวันนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่คนต้องหยิบขึ้นมาคุยเวลาที่พูดถึงรถรุ่นนี้ พวงมาลัยอัตราทดแปรผัน (เลี้ยวมากขึ้นเมื่อพวงมาลัยหมุนเกิน 30%) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นต่ำไปจนสูงสุด Porsche Stability Management (PSM) ก็มีโผล่มาครบทุกรุ่นย่อย ออพชันที่มีแต่คนอยากได้อย่าง Sport Chrono (สังเกตได้จากนาฬิกาจับเวลาที่ตรงกลางด้านบนของแดชบอร์ด) ทำให้คนขับสามารถเข้าถึงโหมดตัวรถที่คันเร่งตอบสนองคมขึ้น และอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยยอมหยวนให้มากขึ้น หน้าตาก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องคุยกันทุกที งานออกแบบยุค Modernism ใน 996 ที่เสียงแตกได้อันตรธานไปเป็นที่เรียบร้อย และแทนที่ด้วยรูปทรงใหม่ที่เน้นความคมคายเป็นหลัก มันเป็นผลงานของนักออกแบบระดับฮีโร่ของ Porsche อย่าง Grant Larson (ทั้ง 981 Bergspyder กับ 935 fame ใหม่) ซึ่งย้อนไปหา 911 รุ่นแรกๆ ด้วยสะโพกผายกว้างกับไฟหน้ารูปไข่ การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ก็มีตั้งแต่ไฟเบรกทรงเหลี่ยม ไปจนถึงกระจกส่องข้างสุดเนี้ยบ และแนวหลังคาที่เส้นสายตั้งชันขึ้น ทั้งหมดรวมกันออกมาเป็น Porsche ที่ทุกวันนี้ก็ยังดูใหม่อยู่เหมือนเดิม

THE EXTRA MILE

ชื่อ Carrera ถูกนำมาใช้กับคูเป้รุ่นพื้นฐานเหมือนเดิม ซึ่งมันมี 321 แรงม้า แต่ Stuttgart ก็มีไพ่ใบเด็ดเป็นรุ่นสมรรถนะสูงเก็บเอาไว้ในนาม Carrera S ระดับ 355 แรงม้า ตัวอักษรที่เพิ่มขึ้นมาเพียงตัวเดียวจะนำพาเครื่องที่คว้านกระบอกสูบเป็น 3.8 ลิตร ระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) ช่วงล่างเตี้ยลง 10 มิลลิเมตร ไฟหน้าซีนอน ล้ออัลลอย 19 นิ้ว และจานเบรกหน้า 330 มิลลิเมตร จาก 996 Turbo มาให้ ส่วนผลลัพธ์ก็คือความเร็วระเบิดระเบ้อและความน่าใช้แบบสุดๆ

หลังจากนั้นอีกปีเศษๆ ก็มีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อโผล่เข้ามาในอนุกรม 997 อย่าง Carrera 4 และ Carrera 4S ซึ่งพื้นฐานเครื่องยนต์กลไกและภายในนั้นเหมือนกับเวอร์ชันขับสองของมันทุกประการ เว้นแต่โป่งล้อหลังที่กว้างขึ้น 44 มิลลิเมตร เพื่อส่งสัญญาณว่ามันไม่หวั่นในทุกสภาพอากาศ และทำให้ทรวดทรงของ 997 ดูพร้อมเอาเรื่องมากขึ้น จุดอื่นๆ ที่เปลี่ยนแปลงนั้นอาจเห็นได้ไม่ชัดเท่า แต่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เช่น การที่จะใส่ระบบขับสี่ลงไปในรถได้ Porsche จะต้องขยับผนังด้านหน้าห้องโดยสารไปข้างหน้า เปลี่ยนยางอะไหล่มาเป็นชุดปะยาง และออกแบบถังน้ำมันใหม่ให้คร่อมขนาบอยู่ข้างชุดเพลาขับหน้าทั้งสองฝั่ง รุ่นขับสี่ยังมีพื้นที่สัมผัสถนนมากกว่ารุ่นขับหลังอีกด้วย เพราะ 4S จะได้ยางคู่หลังกว้างขึ้นเป็น 305/30ZR19 เมื่อรวมระบบขับสี่เข้ากับเครื่องความจุโต สเปกมาตรฐานระดับอลังการ และปลายท่อไอเสียออกสี่เป็นครั้งแรกของ Carrera S ขับสอง เจ้า 997 Carrera 4S เจนเนอเรชันแรกจึงเป็นสูตรเด็ดที่ชนะใจคนส่วนใหญ่ มันก็เลยไม่ต้องรอนานที่จะได้เห็น Porsche เริ่มเอาคอนเซปต์นี้ไปใช้กับรุ่นอื่นๆ บ้าง 4S Cabriolet ตามรุ่นหลังคาแข็งออกมาในอีก 9 เดือน และในปี 2006 ก็มีรุ่นหลังคาแก้ว Targa แต่เนื่องจากมันอาจจะไม่ได้รับความนิยมมากนัก จึงทำแค่รุ่น Carrera 4 กับ Carrera 4S ออกมา ตอนนี้พวกมันก็เลยเป็นของเด็ดสำหรับนักสะสมไปแล้ว

GET INVOLVED

ถ้าเลือกจะเข้ามาในแวดวง Carrera 4S วันนี้ มันคงจะดีกว่าถ้าคุณเคยถูกเตือนเรื่องที่ทั้ง 996 และ 997 เจนเนอเรชันแรกมีดวงซวยเกี่ยวกับเครื่องยนต์เช่นเดียวกับ Porsche ยุคระบายความร้อนด้วยน้ำช่วงแรกๆ มาแล้ว ถึงแม้ทั้งสองรุ่นจะยังค่อนข้างใหม่และทำให้มันไม่เสี่ยงที่จะต้องเจอปัญหาฝาสูบร้าวแล้วก็เถอะ แต่ปัญหางซีลท้ายเครื่องรั่วซึมหรือเพลากลางเสียก็ยังถูกพูดถึงกันอยู่อย่างหนาหู แถมรถจำนวนไม่มากก็เจอกับอาการกระบอกสูบเป็นรอยอีกด้วย คุณยังควรจะรู้ไว้ด้วยว่า 997 ที่ถูกผลิตตั้งแต่กลางปี 2006 เป็นต้นมาเหมือนกับคันของ Dan Furr นักเขียน GT Porsche ที่เราเอามาถ่ายลงรูปในคอลัมน์นี้ จะได้ซีลเพลาขับที่ใหญ่ขึ้นและแก้ปัญหาลูกปืนพังจบสนิทแล้ว

แต่อย่าปล่อยให้เรื่องสยองใส่สีตีไข่บนโลกโซเชียลมาทำให้คุณถอยกรูด เพราะตอนนี้ที่ 911 ระบายความร้อนด้วยอากาศได้ถูกขยับสถานะไปเป็นรถคลาสสิคเต็มตัวแล้ว (ราคาก็ด้วย!) 996 Carrera 4S กับ 997 Carrera 4S รุ่นแรกจึงกลายเป็น Porsche รุ่นพิเศษที่ยังสามารถหาซื้อได้ด้วยงบประมาณสบายกระเป๋ากว่า ถ้าโชคดีคุณอาจจะได้เจอ 997 Carrera 4S ที่ราคาแพงกว่าลูกพี่ลูกน้องรุ่นขับสองของมันแค่สองพันปอนด์เศษๆ ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นข้อต่อรองระดับสุดคุ้มเพื่อแลกกับสมรรถนะและสเปกที่มันมีให้คุณ ราคาของ 996 Carrera 4S กับ 911 รุ่นเจียมเนื้อเจียมตัวในเจนเนอเรชันเดียวกันอาจจะห่างกันมากกว่า 997 แต่ในงบราว 19,000 ปอนด์ ก็จะทำให้คุณได้รุ่นขับสี่เกียร์ธรรมดาปีแรกๆ สภาพเนี้ยบได้แล้ว มันเป็นเรื่องยากเต็มทีที่จะหารถรุ่นอื่นที่เร็วเท่านี้ ซับซ้อนเท่านี้ และดีไซน์สวยแบบนี้ รวมถึงเป็นแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ในระดับราคาใกล้ๆ นี้มาเทียบ คำแนะนำของเราน่ะเหรอ? ซื้อมันซะตอนนี้ก่อนที่จะสายเกินไป

Mark Watts ซื้อ 996 Carrera 4S ของเขามาตอนปี 2016 “เมื่อก่อนผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีหนทางให้ได้เป็นเจ้าของ 911 ด้วยเงินที่เอื้อมถึงได้เขาเล่าย้อนความหลังเพื่อนของผมมาบอกราคาของ 996 คร่าวๆ ว่ามันไม่ถึง 10,000 ปอนด์ ตอนนั้นผมกำลังหารถสปอร์ตคันใหม่พอดี พอเพื่อนมาชี้ทางสว่างแบบนี้ ผมก็เลยเปิดประกาศขายรถบนเวบไซต์เพื่อหา 911 ระบายความร้อนด้วยน้ำยุคแรกดู แล้วก็ต้องแปลกใจกับจำนวนรถที่มีประกาศขายอยู่ในตลาด ซึ่งมีตั้งแต่ราคาต่ำๆ ไปจนถึง 20,000 ปอนด์และเมื่อต้องเลือกระหว่าง 997 รุ่นเริ่มต้นกับ 996 Carrera 4S ไมล์ต่ำ เขาก็เลือกรุ่นเก่าทันที “C4S ทำให้ผมได้เบรกกับตัวถังแบบรุ่น Turbo แผงทับทิมคาดท้ายรถสีแดง และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่สำคัญต่อผมมาก” Mark ยิ้มและเล่าเรื่องการเดินทางจากโชว์รูม Prestige Cars Kent กลับมาบ้านที่ North Norfolk กลางฝนห่าใหญ่ให้ฟังว่ากลางฝนถล่มแบบนี้ รถยังเกาะหนึบติดกับถนนอย่างกับถูกทากาวติดไว้ แต่กระนั้นแม้ว่าถนนแห้งคุณก็ไม่ควรประเมินศักยภาพของ Carrera 4S เอาไว้ต่ำเกินไปเขาเน้นประโยคหลัง “996 ของผมเป็น Porsche ที่เอาออกมาขับได้ทุกวันอย่างสบาย มันมีแรงเกาะมหาศาลเวลาเร่งออกจากโค้ง คุณสามารถยิงออกจากวงเวียนด้วยการกระทืบคันเร่งจมมิดได้ โดยที่ยังมั่นใจในตัวรถได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าท้ายจะไม่ดีดออก

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *