TAYCAN – CHANGING OF THE GUARD

Taycan สะท้อนถึงยุคใหม่ที่ต้องใช้ความกล้าสำหรับ Porsche แต่ยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เปิดประตูเข้าสู่ยุคใหม่นี้  ได้ยึดมั่นในธรรมเนียมปฏิบัติอันวิจิตรของแบรนด์นี้หรือไม่

ผมไม่มั่นใจว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจะรบกวนความทรงจำของผมในเหตุการณ์ต่าง ที่ผ่านมาได้หรือไม่ แต่การได้นั่งตรงนี้เพื่อเขียนรายงานชิ้นนี้ให้กับ นิตยสาร GT Porsche เตือนให้ผมนึกถึงคนขับรถทดสอบของ Porsche ที่กำลังนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับอันเย้ายวนใจของ Taycan Turbo S โฉมใหม่ทั้งคัน เขาหันมาหาผม ยิ้มอย่างขี้เล่น และเอ่ยประโยคเด็ดของ Francisco Scaramanga ในภาพยนตร์เรื่องเดอะแมนวิธเดอะโกลเด้นกัน’ ‘นี่เป็นตอนที่ผมชอบสุด

เหมือนกับผู้ร้ายประจำตอนของบอนด์ที่มีอัตลักษณ์ 3 หัวนมแสดงได้อย่างสมจริงโดยท่านเซอร์ Christopher Lee คนขับรถทดสอบคันที่ผมนั่งจัดการปล่อยอาวุธพลังทำลายล้างสูง ผมได้ยินเสียงกดแป้นคันเร่งลงไปจนสุด แต่ขนาดว่ารถที่มีเอาท์พุตพลังสูงสุดจากเครื่องยนต์สันดาปภายในยังมีอาการชะงักเล็ก เพื่อรอกระบวนการทำงานใต้ห้องเครื่อง แต่ Taycan Turbo S ไม่รอให้เสียเวลาแม้แต่เสี้ยววินาที ก่อนจะปล่อยอัตราเร่งแบบจู่โจม หัวผมเด้งไปติดเบาะที่นั่งหน้าขณะที่เราถูกขับเคลื่อนให้พุ่งทะยานผ่านแถวต้อนรับ เสียงวู้ปจากมอเตอร์ไฟฟ้าดังขึ้นพร้อมการเด้งขึ้นของตัวเลขที่ไม่ธรรมดาในมาตรวัดในเวลาที่สั้นมาก

แค่ตอนที่คนขับ Porsche ผ่อนคันเร่งจากความเร็วที่อยู่เหนือ 110 ไมล์ต่อชั่วโมงลงเท่านั้น ถึงมีการหยุดพักของแรงจีที่ดันให้ผมหลังติดเบาะ มองผ่าน อย่างเร็วที่ตัวเลขสถิติ บอกให้รู้ว่าความเร็วระดับนี้เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายในเวลาเต็มที่ไม่ถึง 10 วินาที เป็นความสำเร็จที่ประจักษ์แก่ตาโดย Turbo S คันที่ผมนั่งอยู่และกำลังวิ่งไปช้า ในความเร็ว 9 ไมล์ต่อชั่วโมงเร็วคำ นั้นไม่ได้เข้าใกล้คำอธิบายถึงสถานะของสมรรถนะ Taycan เลย คำว่าบ้าสิ้นดีมันน่าจะเหมือนอย่างนั้นมากกว่า

LEADING THE CHARGE

นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้สัมผัสกับโลกใบใหม่แห่งความกล้าหาญของ Porsche แน่นอนว่าด็อกเตอร์ Robert Meier  ซึ่งเป็น Product Line Director สำหรับโครงการ Taycan ได้ประกาศด้วยเสียงอันดังว่า ความล่มสลายของเครื่องยนต์สันดาปภายในกำลังมาถึง ทั้งที่เพื่อนพ้องในอุตสาหกรรมเดียวกันกำลังมองหาหนทางทำเงินจากเชื้อเพลิงฟอสซิสต่อไปมันเป็นความเชื่อของผมว่าในไม่ช้า เครื่องยนต์สันดาปภายในจะถูกแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเขาบอกความท้าทายสำหรับเรา คือการสร้าง Porsche พันธุ์แท้ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ และสำหรับ Taycan เราเห็นเส้นทางนื้ผ่านทาง 918 Spyder และรถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นต่าง ซึ่งมีอยู่ในไลน์ผลิตภัณฑ์ของ Porsche อยู่แล้ว

การได้นั่งรถ Taycan ที่ยังไม่เริ่มผลิตอย่างเป็นทางการ เป็นไคลแมกซ์ของกิจกรรมทั้งวันที่ศูนย์ทดสอบ ADAC ในเมือง Grevenbroich ใกล้นคร Düsseldorf ที่ ผมได้เผชิญกับข้อมูลทางเทคนิคจำนวนมาก บอกถึงการขึ้นรูปรถ Porsche พิเศษคันนี้ขึ้นมา สิ่งแรกที่เราควรให้ความสนใจก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า คุณอ่านรายงานชิ้นนี้และงุนงงกับการใช้คำ Turbo S  ที่ติดอยู่ข้าง ป้ายชื่อ Taycan ซึ่งเป็นขุมพลังของโมเดลใหม่นี้ ทั้งที่ Taycan เป็นยานยนต์พลังไฟฟ้าเต็มขั้น โดยไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่เลย Porsche อ้างว่าลูกค้ารู้สึกคุ้นเคยกับลำดับชั้นของป้ายที่มีอยู่แล้วอย่างมาก ดังนั้น Taycan 2 ตัวแรกที่จะเปิดสู่ตลาดจะมีป้ายติดมาว่า Turbo และ Turbo S ถึงแม้ว่า คุณก็รู้ว่ามันไม่มีเครื่องเทอร์โบอยู่ไม่ว่าตรงไหน

สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในเปลือกที่แข็งแกร่งของ Taycan ซึ่งระบุว่ามีแรงบิด 42,000 นิวตันเมตร/องศา ใช้ระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ ที่แตกต่างจากตลาด จากการก้าวข้ามระบบ 400 โวลต์ที่ใช้ในยานยนต์พลังไฟฟ้าหลัก ที่มีขายทั่วไปในตลาด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 93 กิโลวัตต์หนัก 140 กิโลกรัมร่วมอยู่ด้วย ส่วนประกอบนี้ติดตรึงอยู่ด้านล่างของแชสซีรถ ที่ซึ่งมันได้กลายเป็นส่วนควบและส่วนรับน้ำหนัก ของโครงสร้างรวมและเป็นการใช้ระบบที่ชาญฉลาดของการเรียงตัวที่ชัดเจนระหว่างโมดูลแบตเตอรี่ 33 แบบ (แต่ละอันมี 30 เซลล์รวม 396) ซึ่งสามารถกระจายพลังแรงกระแทกทั้งด้านข้างและตามความยาวในกรณีของอุบัติเหตุที่ไม่พึงประสงค์ ตามทฤษฎีแล้วในการสับเปลี่ยนการเรียงแบบเล็กน้อยนั้นทำได้โดยโมดูลแบตเตอรี่แต่ละโมดูลสามารถยกเปลี่ยนได้ในราคาที่ไม่แพง แทนที่จะให้เจ้าของต้องยกชุดเปลี่ยนทั้งแพกในราคาค่าใช้จ่ายที่แพงเกินเหตุ

PLUG AND PLAY

ด้วยการติดตั้งชุดชาร์จไฟคู่ ทำให้การเติมไฟเจ้าขุมพลัง 93 กิโลวัตต์ทำได้หลากหลายวิธี ในฝั่งคนขับมีช่องเสียบไฟ AC ขณะที่ในฝั่งผู้โดยสารมีหัวคอนเน็กเตอร์ AC/DC CCS ติดตั้งอยู่ คุณคงจะเริ่มสงสัยแล้วว่าเราอ้างถึงส่วนแรกหรือส่วนหลังของประโยคข้างบน คอนเน็กเตอร์พวกนี้สลับเปลี่ยนข้างกันในแต่ละตลาด ซึ่งหมายความว่า แม้ในประเทศที่ขับรถชิดซ้าย จุดชาร์จไฟด่วนจะอยู่ในฝั่งของผู้โดยสารเสมอ หาช่องชาร์จ 800V/350kW และ Taycan จะได้ไฟสำหรับวิ่งได้อีก 62.5 กิโลเมตร ในเวลาเพียง 5 นาทีหลังจากเชื่อมต่อกับระบบสายส่งไฟฟ้า ในเวลาเพียง 22 นาทีและอีกครึ่งนาที จะเติมแบตเตอรี่ได้ 85 เปอร์เซ็นต์ และเป็นเรื่องน่ายินดี ที่ตั้งแต่ปี 2020 จะมีสถานีช้าร์จไฟ 800V ของ Ionity จำนวน 400 สถานีทั่วยุโรป บริษัทสัญญาว่าแต่ละสถานีจะมีที่ชาร์จไฟกำลังไฟ 350 กิโลวัตต์ 6 เสาให้ใช้

ถ้ายังห่วงเพราะดูแล้วเหมือนว่ายังไม่มีทางเลือกมากพอ สำหรับการชาร์จไฟ ไม่ต้องกลัวสามารถจัดการให้มีการติดตั้ง HV booster ที่รถ Taycan ที่เป็นออปชันซึ่งจะทำให้คุณสามารถเติมไฟกับสถานีชาร์จ 400 โวลต์ได้ ซึ่งจะได้ไฟระหว่าง 50 และ 150 กิโลวัตต์ เป็นทางเลือกให้สามารถเติมไฟที่จุดชาร์จไฟกว่า 200,000 จุดทั่วโลกได้ และโดยปรกติแล้วยังมีเครื่องชาร์จแบตเตอรี่แบบออนบอร์ดขนาด 11 กิโลวัตต์ติดตั้งอยู่ด้วยสามารถใช้ชาร์จกับ ตู้ไฟติดกำแพง Wall Box ที่ติดตั้งโดย Porsche เป็นตู้ไฟที่มีระบบป้องกันการเกิดฟิวขาดในตู้ควบคุมไฟในบ้าน ในกรณีต้องการจะเติมไฟให้กับ Taycan และเปิดไฟกาต้มน้ำและใช้เครื่องซักผ้าในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะใช้เวลา 6-8 ชั่วโมง (อย่างเช่นเวลากลางคืน) ในการชาร์จไฟกับตู้ไฟติดกำแพง ซึ่ง Porsche คาดว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าของ Taycan จะทำเป็นประจำ

DOWN TO THE WIRE

มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังที่เพลาหน้าและหลัง หรือที่เรียกว่า PSM (Permanently Excited Synchronous Motors) เป็นมอเตอร์ที่มีโรเตอร์ที่แม่เหล็กคุณภาพสูงถาวรที่สร้างสนามแม่เหล็ก ผลที่ได้คือ โรเตอร์เคลื่อนไหวซิ้งก์ไปกับสนามแม่เหล็กหมุนของสเตเตอร์ ตัวเครื่องแปลงสัญญาณพัลส์ pulse inverter ระบุความถี่ในสนามแม่เหล็กหมุนในสเตเตอร์เป็นตัวกำหนดความเร็วของโรเตอร์ ด้วยการออกแบบระบบการทำงานและพฤติกรรมทางความร้อน thermal behavior ที่ดีเยี่ยมของ PSMs ช่วยให้พวกมันสามารถส่งมอบสมรรถนะระดับสูงตามแบบฉบับของ Porsche โดยส่วนหนึ่งของมอเตอร์ไฟฟ้าคือส่วนที่เรียกว่าชุดขดลวดแบบ hairpin winding ที่ซึ่ง โซลินอยด์คอยล์ของสเตเตอร์ประกอบด้วยสายไฟทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า (น่าจะกลมมากกว่า) สายไฟถูกดัดและก่อนที่สอดเข้าไปในแกนแผ่นอัดของสเตเตอร์จะมีรูปร่างคล้ายกับปิ่นปักผม เทคโนโลยีนี้ทำให้มันง่ายในการบรรจุลวดให้แน่นขึ้นและเพิ่มสายทองแดงมากเป็นพิเศษเข้าไปในสเตเตอร์ได้

พลังงานจากแบตเตอรี่ไหลไปที่มอเตอร์(ไฟฟ้า)ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร (PMSMs) คู่ที่ติดตั้งบนเพลาแต่ละข้าง โดยในรุ่น Turbo และ Turbo S มอเตอร์ทั้งสองตัวออกแบบให้จับคู่กับแบบ single speed ที่หน้าและชุดระบบส่งกำลังแบบ 2 อัตราทดที่ท้าย และด้วยพลังที่เพลาทั้งสองข้าง Taycan ถูกจัดให้เป็นรถโฟร์วีล และได้ตรารับรอง Porsche Traction Management (PTM) แม้ว่าจะไม่มีเพลาขับระหว่างเพลาทั้งสองก็ตาม

ทั้ง Turbo และ Turbo S ให้พลัง 460 กิโลวัตต์ ซึ่งเทียบเสมือนได้กับ 625 แรงม้า แต่ฟังก์ชัน overboost ที่ควบคุมเวลา ให้ทำงานไปกับโปรแกรมช่วยออกตัว Launch Control ทำให้ทั้ง 2 โมเดลลุยได้มากขึ้น รุ่น Turbo ไปได้ถึง 505 กิโลวัตต์ (687 แรงม้า) ขณะที่ Turbo S ไปได้ถึงระดับใจสั่นที่ 560 กิโลวัตต์ (761 แรงม้า) ตัวเลขพวกนี้แสดงให้เห็นว่าแม้รถทั้งสองรุ่นมีน้ำหนักที่มากกว่า 2 ตัน แต่ตัวรุ่น Turbo สามารถเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปแตะระดับ 62 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 2.3 วินาทีและควบไปที่ระดับ 124 ไมล์ต่อชั่วโมงจากจุดสตาร์ตใน 10.6 วินาที ขณะที่ Turbo S สามารถจะทำแบบเดียวกันใน 2.8 วินาทีและ 9.8  วินาทีตามลำดับ มอเตอร์ที่เล็กกว่าเล็กน้อยที่เพลาหน้าของรุ่น Turbo เป็นจุดแตกต่าง มีผลให้ Taycan ตัวที่ไม่มี S มีแรงบิดที่ 627 ปอนด์ฟุตเทียบกับ Turbo S ที่กินขาดด้วยแรงบิดระดับโหดของมันที่ 775 ปอนด์ฟุต

พิสัยการเดินทางด้วยพลังไฟฟ้าของ Taycan ไม่ได้เยอะแยะอะไร บริษัท Porsche แจ้งไว้ที่ระหว่าง 240-281 ไมล์สำหรับรุ่น Turbo และระหว่าง 242 และ 261 ไมล์สำหรับ Turbo S แต่สิ่งที่ผู้ผลิตมีความภูมิใจมากคือความจริงที่ว่า ระบบ 800 วัตต์ ทำให้เจ้าของรถสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพที่เหนือชั้นของทั้งสองรุ่นครั้งแล้วครั้งเล่าโดยประสิทธิภาพไม่ลดน้อยถอยลงเลย ให้เฉพาะเจาะจงมากกว่านี้คือที่บริษัทประกาศว่า Taycan มีความสามารถเร่งจาก 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงอย่างต่ำสิบครั้งต่อเนื่องกันที่กำลังสูงสุด ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้าจากค่ายอื่น น่าจะเหี่ยวเฉาไปก่อนหน้านานแล้วไม่สามารถทำอะไรที่เป็นการดูดพลังของแบตเตอรี่ต่อเนื่องแบบนี้ได้

ความเร็วในทางตรงและการทำงานของแรงบิดในทันทีทันใด ไม่ใช่ปัญหาสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าทั่วไป ความจริงแล้วมันคือเครื่องหมายแสดงแบบฉบับของแรงขับเคลื่อน แต่สิ่งที่ Taycan พร้อมมอบความแตกต่างให้นั้นเป็นส่วนการจัดการรถของรุ่น จำได้ว่า ด็อกเตอร์ Meier บอกพวกเราว่าคันนี้คือ “Porsche ของแท้นอกจากประโยชน์จากการตกแต่งภายในที่เป็นดิจิทัลมาก (แผงหน้าปัด TFT-Thin Film Transistor เต็มรูปแบบมีออปชันทัสสกรีนถึง 3 จอ มีจอแสดงผลดิจิตัลสำหรับควบคุมอุณหภูมิแยกต่างหากในที่นั่งหลังและโอกาสที่จะมีเฮดอัพดีสเพลย์ HUD สำหรับคนขับในอีกไม่นาน) นอกจากนั้นเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ที่ทันสมัยของ Porsche และค่ายโฟล์กสวาเก้นที่มีทั้งหมด Porsche พร้อมส่งมอบโนว์ฮาวแชสซีส์เหล่านี้ใส่ไว้ในรถอีวีที่น่าตื่นเต้นนี้แบบหมดหน้าตัก

รถที่เปิดตัวทั้งสองโมเดล มี PTM เป็นมาตรฐานเช่นเดียวกับ PTV+ (Porsche Torque Vectoring Plus) พร้อมกับเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป LSD ที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ three-chamber air suspension พร้อมด้วยระบบควบคุมการทรงตัว PASM (Porsche Active Suspension Management) โหมดขับขี่มีให้เลือก 5 แบบ คือ Range Normal Sport Sport Plus และ Individual เบรกทรงพลัง (จานเบรก Porsche Surface Coated Brake ในโมเดล Turbo จานเบรกเซรามิก Porsche Ceramic Composite Brake ในโมเดล Turbo S ทั้ง 2 รุ่นได้ตัวจับคาลิปเปอร์ 10 ลูกสูบหน้าและ 4 ลูกสูบหลัง) ล้อหน้า 20 นิ้วสำหรับ Turbo ส่วน Turbo S ได้ล้อที่มีขอบและเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 1 นิ้ว และระบบจัดการอากาศพลศาสตร์ Porsche Active Aerodynamics (PAA ประกอบด้วย แผ่นครีบรีดอากาศ ช่องดักอากาศ และสปอยเลอร์หลังที่ปรับระดับได้) ตัว Turbo S ได้ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง Rear Axle Steering เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน (เป็นออปชันสำหรับ Turbo) และผู้ซื้อได้เต็ม กับระบบควบคุมการทรงตัวด้วยไฟฟ้า 84V ในชื่อว่า Porsche Dynamic Chassis Control

ที่จะตาม Turbo และ Turbo S ออกมาจะเป็น Taycan ตัวอื่น ที่พร้อมจะลงตลาด โดยโมเดลที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด คงจะเป็นรุ่นมอเตอร์เดียว ขับเคลื่อนล้อหลัง สำหรับตัวขับเคลื่อนสี่ล้อทั้ง 2 รุ่น อย่างไรก็ดี สามารถส่งกำลังไปเพลาเดียวเมื่อเลือกขับขี่ในโหมด Range ซึ่งมีผลให้ไม่มีไฟไปที่มอเตอร์หลังทำให้ Turbo หรือ Turbo S กลายเป็นรถขับเคลึอนล้อหน้าดี นี่เอง เคล็ดลับดี ของการขับโหมดต่าง มีให้เลือกเยอะ รวมทั้ง PAA สปอยเลอร์ที่ปรับระดับได้เพื่อทำให้อากาศพลศาสตร์มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พาคู่แฝด Taycan ไปที่ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (0.22-0.24) ต่ำสุดในค่าย Porsche ไม่ว่าคันไหนจากอดีตจนถึงทุกวันนี้ และทั้งในโหมด Range และ Sport Plus รถ Taycan ย่อตัวลง 22 มิลลิเมตรด้วยระบบกันสะเทือนลม ในโหมดอื่น คุณต้องไปเร็วกว่า 56 ไมล์ต่อชั่วโมงเพื่อย่อตัวลง 10 มิลลิเมตร และควบไปให้เร็วกว่า 112 ไมล์ต่อชั่วโมงถ้าต้องการย่อตัวลงให้เต็ม 22 มิลลิเมตร

TO THE LETTER

สุดท้ายแล้วก็มีอักษรย่อใหม่สำหรับแฟนคลับของแบรนด์ Porsche ให้ใส่ใจ คือ Porsche Electronic Sport Sound ทีเรียกว่า PESS ซึ่ง Porsche เชื่อว่าการริเริ่มนี้จะเป็นการสร้างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นจึงเตรียมตัวฟังเสียงนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเพราะเทคโนโลยีนี้ไม่ได้สังเคราะห์เสียงของเครื่องยนต์น้ำมันเบนซินหรือดีเซล แต่ Porsche ใช้วิธีบันทึกเสียงที่เกิดจากระบบ PMSMs และเรียบเรียงเสียงใหม่ให้ยกระดับขึ้น มันเป็นร่องเสียงใหม่ของเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะสมัยใหม่ เขาว่ามาอย่างนั้น

ออกมาจากสนามทดสอบรถ หลังจากที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าต่อมใต้สมองของผมละลายไปกับพลังของการเร่งความเร็ว พวกทดลองขับที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Porsche ขับไปข้างหน้า เพื่อแสดงให้ว่า Taycan หนัก 2,295 กิโลกรัม วาดลวดลายได้ขนาดไหน มันออกตัวอย่างรุนแรงและทำพาวเวอร์สไลด์ออกจากทางโค้งที่ต้องชะลอความเร็ว ต้องขอบคุณการให้แรงดันไบอัสเพื่อส่งแรงบิดส่วนใหญ่ไปที่ท้าย ทำให้มีการดรีฟต์อย่างสวยงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนพื้นยางแอลฟัลต์เปียก ที่มันจะปรับเข้าสู่ภาวะโอเวอร์สเตียมากกว่าปรกติเล็กน้อยด้วยการปรับเร่งในจังหวะความเร็วที่สูงขึ้นอย่างเหมาะเจาะในช่วงกลางโค้ง สั้น คือ Taycan มีกลเม็ดเด็ดพรายที่จะเล่นกับแชสซีที่ทำให้รู้สึกเหมือนรถสปอร์ต Porsche  ที่คุ้นเคยกันอยู่แล้วขณะเดียวกันก็เป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ

เราไม่สามารถอยู่รอเพื่อลิ้มรสความสุขของเวลาขับ Turbo S เองได้ แต่ในที่นี้และตอนนี้ ในช่วงต้น ของการเปิดม่านโดยคำเชิญพิเศษจากเพื่อนของเราที่ Porsche คงไม่เป็นไรหรอกสำหรับส่วนที่นี่เป็นตอนที่ผมชอบสุด แค่นี้ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกทึ่งสุด กับสิ่งที่ Taycan ทำให้ดูและสิ่งที่มันทำให้เราได้ ไม่ต้องไปพูดถึงว่ามันทำให้ได้ได้อย่างไร จงเชื่อเมื่อเราพูดว่าอนาคต ของ Porsche ดูเหมึอนว่าจะมั่นคงอย่างยิ่ง

 FAST FACTS

MODEL  Taycan Turbo S (pre-production)

PRICE  From £138,826 (Taycan Turbo from £115,858)

DRIVETRAIN  Twin permanent magnet synchronous electric motors, one on each axle

TRANSMISSION  Twin gearboxes (single-speed front, two speed rear), PTM all-wheel drive and electronically controlled limited-slip differential with PTV+

RANGE   281 miles

CO2 EMISSIONS  0g/km

TOP SPEED   162mph

0-62MPH      2.8 seconds with Launch Control overboost

0-124MPH    9.8 seconds

POWER    460kW (625hp), rising to 560kW (761hp) with Launch Control overboost

TORQUE   Up to 775lb-ft on overboost

BRAKES    Ten-piston (front) and four-piston (rear)  monobloc calipers

WHEEL DIAMETER    21-inch rims

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *