The Drive Tastefully | อู๋-นภัทร อัสสกุล

ล้อและการตกแต่งด้วยสี Agate Gray บ่งบอกถึงการกลับมาของ PORSCHE รุ่นน้ำหนักเบาที่จะมอบสุนทรียภาพในการขับขี่แบบที่นักขับถวิลหา มันคือ 911 T หลังจากที่หายไปนานกว่า 50 ปี

911 T เคยเป็นเหมือนบันไดขั้นแรกในการก้าวไปสู่ 911 มันเริ่มมีขึ้นมาตั้งแต่ตัวถัง HornGrill ช่วงปี 1968 ที่โรงงานเองก็บอกตามตรงว่ามันมาเพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายในยุคนั้น มันถูกยกระดับให้เหนือกว่า 912 รุ่นเริ่มต้นที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ด้วยการใช้เครื่องยนต์หกสูบเหมือนกับใน 911 รุ่นปกติแต่ใช้เสื้อสูบเหล็กหล่อแทนอลูมีเนียมเพื่อลดต้นทุน ตัดทอนแรงม้าลงนิดหน่อย จากแคมชาร์ฟองศาเบสิก ลดกำลังอัด ลดขนาดปากคาร์บูเรเตอร์ และไร้ซึ่งอุปกรณ์ที่หรูหรา แม้กระทั่งเหล็กกันโคลง และจานเบรกแบบมีครีบระบายความร้อน ก็ไม่สามารถพบเจอมัน

ผลก็คือคุณจะสามารถขับ 911 รุ่นน้ำหนักเบาด้วยราคาที่ถูกกว่ารุ่นปกติในเวลานั้น แต่เหรียญย่อมมีสองด้าน ถึงแม้ว่ารุ่น T จะไม่มีออพชั่นที่มากมายเหมือนรุ่นปกติ แต่น้ำหนักที่เบาลงกลับกลายเป็นจุดเด่นให้มันกลายเป็นรถที่ขับสนุกไปโดยปริยาย และ PORSCHE ก็ไม่ได้ทำ 911 T ออกมาอีกเลยตลอด 50 ปีที่ผ่านมา จนเรามาได้ยินชื่อของ 911 Carrera T อีกครั้งพร้อมกับการเฉลิมฉลองการครบรอบ 70 ปีของแบรนด์ PORSCHE ในปี 2018

แต่ปัจจุบันอักษร T ที่แปะมากับ Carrera รุ่นล่าสุด มันคือการจ่ายเงินที่มากกว่าเพื่อจะสัมผัสกับสุนทรียภาพในการขับขี่ที่แท้จริง มันไม่ได้ถูกลดสเป็คทั้งในส่วนของเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง หรือเบรก เลยสักชิ้นเดียว แต่มันผ่านการลดน้ำหนักตัวเกือบ 200 กิโลกรัมตามที่ PORSCHE แจ้ง มันยังคงแสดงออกถึงการรับฟังเสียงความต้องการของลูกค้าที่หลงใหลในการขับรถอย่างจริงจัง คนเล่น PORSCHE มักจะบอกว่า Carrera T มันเป็นรุ่นออพชั่นน้อย แต่จริง ๆ มันน้อยอย่างมีสาเหตุ คือมันน้อยเพื่อให้มันเบา ออพชั่นที่ให้มาก็เพื่อจะมอบความสนุกให้กับคนขับเท่านั้น อะไรที่ไม่ได้เกี่ยวกับการขับขี่ พวก Trim หนัง หรืออะไรก็ตามที่มันไม่ได้ทำให้การขับรถสนุกขึ้น เขาก็จะเอาออกไป ซึ่งไม่แปลกใจที่ความรักและหลงใหลในการขับขี่รถ PORSCHE ของผู้ชายที่มีชื่อว่า “นภัทร อัสสกุล” จะทำให้เขาประทับใจใน ‘อารมณ์’ การขับขี่ที่เด่นชัดกว่ารถ PORSCHE โมเดิร์นคันอื่น ๆ

“ผมเป็นคนที่ชื่นชอบรถสปอร์ตสองประตูอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกรถคลาสสิก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็น PORSCHE เพราะยังไงสุดท้ายแล้วคนเล่นรถสปอร์ตมันก็ต้องไปทาง PORSCHE นี้แหล่ะ คันแรกที่ได้มาตอนนั้นเป็นรุ่นปี 1976 แต่ว่าแต่งเป็น 1973 RS ซึ่งเราก็หลงใหลในความดิบของมัน ที่ให้อารมณ์ในการขับแบบเต็มที่ พวงมาลัยไม่เพาเวอร์ เบรกหนักๆ คลัทช์หนักๆ ก็สนุกดี เพราะทุกครั้งที่ขับรถคลาสสิก มันไม่มีครั้งไหนที่เหมือนกัน มันไม่มี ABS ไม่มี Power Assistant ไม่มี Traction Control ไม่มีอะไรช่วย

ฉะนั้นทุกครั้งผมจะได้ประสบการณ์ในการขับใหม่ ๆ กลับมาทุกครั้ง บนถนนเส้นเดียวกันแต่ในคอนดิชั่นที่ต่างกัน เปียกกับแห้งมันก็ต่างกันแล้ว วันนี้เราอาจเข้าโค้งนี้ได้ด้วยความเร็วเท่านี้ คันเร่งเท่านี้ วงเลี้ยวเท่านี้ แต่อีกวันมันอาจไม่ได้แล้ว วันไหนภรรยานั่งไปด้วยแล้วแอร์เย็นก็เป็นหนังโรแมนติก บางวันต้องซ่อมรถวันนั้นก็เป็นหนังตลก แต่ถ้าวันไหนฝนตก วันนั้นนี่เป็นหนังแอคชั่นเลือดโชกเลย  มันทำให้ผมเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้มันได้รับความนิยม ซึ่งผมว่าคนที่ชอบรถ PORSCHE เนี่ยก็จะมีนิสัยอะไรที่คล้าย ๆ กัน คือชอบขับรถที่รู้สึกว่าตัวเองเนี่ยได้คอนโทรลรถ ไม่ใช่รถคอนโทรลเรา”

“และถึงแม้ว่าส่วนตัวผมจะชอบรถคลาสสิกมากเพียงใดก็ต้องยอมรับว่า รถคลาสสิกขับสนุก แต่รถใหม่ขับสบาย คือปกติรถยิ่งใหม่มันจะยิ่งมีความสะดวกสบาย มีระบบอะไรหลาย ๆ อย่างช่วยเรามากขึ้น ทำให้เวลาขับรถแล้วมันไม่รู้สึกว่าเราชนะอะไร หรือเราได้รับประสบการณ์อะไรใหม่มาเพิ่ม บางทีขับแล้วเราจำไม่ได้ว่าเราขับรถอะไรอยู่ คือมันเหมือนกันไปหมด ขึ้นไปก็จะเจอกับเกียร์ออโต้ เบรกนิ่ม ๆ  เลี้ยวเบา ๆ อะไรแบบนี้ ทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยตื่นเต้น และตั้งแต่เล่นรถสปอร์ตมาเนี่ยผมไม่เคยซื้อรถใหม่เลย แต่สำหรับ Carrera T คันนี้ผมเลือกเป็นรถใหม่คันแรกของผม เพราะผมชอบ PORSCHE อยู่แล้ว และรู้สึกว่ารุ่นนี้มันตอบโจทย์คนรัก PORSCHE คลาสสิกอย่างเรา

ถึงแม้ว่ากฎกติกามันเปลี่ยนให้ต้องมีระบบตัวช่วยต่าง ๆ มากขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่จะทำให้มันขับสนุก Carrera T เป็นเหมือนสาวแก่นที่ขี้เล่น มันมีอะไรที่น่าดึงดูดมากกว่า Carrera รุ่นปกติ เป็นรถที่มีเกียร์ Manual ให้เลือก มันชัดเจนว่าเขาทำมาเพื่อให้เราขับสนุกบนน้ำหนักที่เบา แต่ถามว่ามันเร็วสู้ GT3 ได้ไหม แน่นอนว่าไม่ได้หรอก มันไม่ใช่รถที่เร็วที่สุด แต่มันเป็นรถที่ขับสนุกที่สุด คือโฟกัสที่คนขับรถมากกว่าเพอร์ฟอรมานซ์ เป็นรถใหม่ที่ตอบโจทย์คนที่รักในการขับรถอย่างชัดเจนในเรื่องของอารมณ์ แต่ยังเป็นรถที่ขับสบาย ไปไหนทุกวันก็ได้โดยไม่ต้องลุ้น เติมแก็สโซฮอลล์ก็ได้ ทุกวันนี้ผมก็พยายามใช้รถคันนี้ทุกวัน ถ้าไม่ใช้งานในเมืองก็จะไปขับรถเล่นกันตอนกลางคืนกับกลุ่มเพื่อน ๆ ใน Renndrive ซึ่งสิ้นปีนี้เราก็จะมีทริปที่เราจะขับขึ้นภาคเหนือกัน ผ่านไปในเส้นที่มีทางโค้งเยอะ ๆ ที่ไม่เร็วมาก แต่มั่นใจว่าจะสนุกไปกับมัน” คุณอู๋กำลังเล่าถึงความหลงใหลในรถสปอร์ต รวมถึงคุณงามความดีของ 911 Carrera T รถสปอร์ตคันแรกของเขาที่เพิ่งถอยมาใหม่

หน้าตาภายนอกของมันดูเหมือนกับ 911 ทั่วไป เพราะอันที่จริงแล้วโดยพื้นฐาน PORSCHE ไม่ใช่รถที่หวือหวา ฝรั่งเรียกว่ามันไม่ใช่รถที่  Flashy คือขับมาเราก็รู้สึกว่ามันคือรถสปอร์ตธรรมดาคันหนึ่ง มันไม่เหมือนบางค่ายที่จะต้องมีปีกใหญ่ ช่องดูดอากาศขนาดใหญ่ เบรกยักษ์อะไรอย่างนั้น PORSCHE จะเป็นรถแบบเรียบๆ แต่ก็มีเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ของมันเอง และ Carrera T เองก็เช่นเดียวกัน มันไม่มีอะไรที่โดดออกมาจนเป็นที่สังเกตสำหรับภายนอก จะมีก็แค่ล้อสี Agate Gray ที่เป็นสีเฉพาะสำหรับรุ่นนี้เท่านั้น ซึ่งมันจะรับกับกระจกมองข้าง, Grill หลัง, ตัวหนังสือและสติ๊กเกอร์ที่ Carrera T อยู่ข้างรถที่จะเป็นสี Agate Gray ทุกคันไม่ว่าคุณจะเลือกสีไหนก็ตาม แต่ในความเหมือนกันยังมีดีเทลที่แตกต่างกันเพื่อให้จุดประสงค์ในการลดน้ำหนักให้กับมันนั้นลุล่วง กระจกบังลมสามบานหลังมันถูกทำให้บางเป็นพิเศษและไม่มีระบบละลายฝ้า

ภายในมีเบาะนั่งทรงสปอร์ตที่มีเพียงด้านข้างเท่านั้นที่เป็นหนัง แต่ตรงกลางจะเป็นผ้าตัดเย็บด้วยลายเส้นตรงยาวตลอดที่เรียกว่า Sport-tex ซึ่งเป็นลายเฉพาะสำหรับรุ่นนี้ มือดึงประตูถูกเปลี่ยนเป็นแถบริบบิ้นสไตล์ GT3 และที่หัวเกียร์ Manual จะกัดลายเป็นสีแดง ซึ่งการไม่มีวัสดุซับเสียง ทำให้เสียงในรถดังขึ้นอีกหน่อย รวมถึงเสียงกรวดที่ดีดใส่ตัวถังแบบดิบ ๆ เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ และคันนี้เลือกออพชั่นให้ตรงกับความชอบส่วนตัว คือยังคงเลือกให้มีวิทยุอยู่ เพราะการใช้รถในเมืองไทยคงจะไม่ไหวหากไม่มีเพลงฟัง แต่จะไม่มีเบาะและเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งด้านหลัง เพราะอยากให้มันเบาที่สุด

หลายคนอาจจะบอกว่าให้เลือกใส่อุปกรณ์เสริมเหล่านั้นมาก่อนแล้วค่อยถอดออก เพราะอย่างไรก็ไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเพิ่ม แต่ความเรียบร้อยมันจะต่างกันและมันจะขัดแย้งกับจุดมุ่งหมายที่ PORSCHE อยากมอบให้รถรุ่นนี้

ด้านเครื่องยนต์ PORSCHE แทบไม่ได้แตะต้องอะไรกับมัน ยังคงเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร กับเรี่ยวแรง 370 แรงม้า พร้อมกับท่อไอเสีย Sport Exhaust มาเป็นสแตนดาร์ด ที่แม้ไม่ได้เพิ่มแรงม้าสักตัวแต่ก็เป็นอย่างเดียวที่ทำให้เครื่องยนต์แตกต่างไปจาก Carrera รุ่นมาตรฐาน ซึ่งมันทำงานได้อย่างลงตัวกับอัตราทดเกียร์และเฟืองท้ายที่ใช้แบบเดียวกับ Carrera S  ที่มีลิมิเต็ดสลิปและย่นอัตราทดมาให้ชิดขึ้น และมีล้อขนาด 20 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งการใส่ล้อและยางขนาดใหญ่ขึ้นบนตัวถังเท่าเดิม เป็นการเพิ่มจุดแข็งด้านการยึดเกาะให้มันได้อย่างดี

ผมว่า PORSCHE ทำรถออกมาสามแบบ แบบที่หนึ่ง คือรถใช้งาน PANAMERA, CAYENNE คือตอบโจทย์ที่มันต้องใช้ แบบที่สอง คือสปอร์ตคาร์ที่ไล่ล่าเวลา ไล่ล่าเพอร์ฟอร์มานซ์ แบบว่าใครจะเร็วที่สุดใน Nurburgring พวกนั้นอาจต้องเป็นเกียร์ PDK ที่เร็วกว่าเกียร์ Manual แบบที่สาม คือเป็นรถที่รักษากลุ่มฐานลูกค้าที่เป็นคนชอบขับรถ ไม่สนว่าเวลาในแทร็คเท่าไหร่ ไม่สนว่า 0-100 เท่าไหร่ ไม่สนว่ามันมีกี่แรงม้า แต่สนว่ารถมันขับสนุกแค่ไหน รถมันขับแล้วให้ความสำคัญกับคนขับที่นั่งอยู่ตรงกลางรถขนาดไหน

และสิ่งหนึ่งที่ต้องยกย่อง PORSCHE คือ ไม่ว่าจะเป็น 911 T รุ่นแรก หรือ Carrera T รุ่นล่าสุด ก็ยังคงรักษาจิตวิญญาณของ PORSCHE ไว้ได้อย่างครบถ้วน มันเป็นแบรนด์ที่คุมตรงนี้ไว้ได้ดีมาก  คือไม่ได้หลงไปกับคำที่บอกว่าเพอร์ฟอร์มานซ์ต้องดีที่สุด สมรรถนะต้องดีที่สุด แข่งกันกับคันนู้นคันนี้ ผมว่ามันไม่จำเป็น อาจจะมีส่วนหนึ่งที่ PORSCHE ต้องการสร้างสถิติอะไรก็ว่าไป แต่อีกส่วนหนึ่งเขาสนใจคนขับมากกว่า กลุ่มลูกค้า PORSCHE ถึงเหนี่ยวแน่น อีกอย่างคือ PORSCHE เป็นรถที่ไม่ค่อยเสีย PORSCHE เคลมว่า 70 เปอร์เซนต์ของรถที่เขาขายมาตั้งแต่เปิดโรงงานมา วันนี้ยังวิ่งอยู่ในโลก แน่นอนว่าตอนนี้เราเห็นความแตกต่างจากรถสองยุค ที่รวม ๆ แล้วเปลี่ยนแปลงไปน้อยมาก เขารู้ว่าลูกค้าเขาต้องการอะไร ไม่ว่าจะเส้นสายของ 911 รูปแบบของเครื่องที่ยังอยู่ท้ายรถ หรืออารมณ์ในการขับแบบดิบๆ ที่ยังคงเหมือนเดิม ตั้งแต่รุ่นคลาสสิกจนถึงรุ่นล่าสุด

“Carrera T เป็นเหมือนสาวแก่นที่ขี้เล่น มันมีอะไรที่น่าดึงดูดมากกว่า Carrera รุ่นปกติ”

“ถามว่ามันเร็วสู้ GT3 ได้ไหม แน่นอนว่าไม่ได้หรอก มันไม่ใช่รถที่เร็วที่สุด แต่มันเป็นรถที่ขับสนุกที่สุด”

_
บทความโดยกองบรรณาธิการ
นิตยสาร GTPORSCHE ฉบับที่ 40

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *