The RS Touring

911 รุ่นสุดท้ายที่แปะป้าย CarreraRS เพื่อใช้เป็นพื้นฐานของการออกแบบเพื่อให้ผ่านข้อกำหนดของการแข่งขัน ยังรวมถึง CarreraRS Touring ที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่น  Lightweight แต่สามารถนำมาใช้งานบนถนนได้จริง แบบไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเหมือนเวอร์ชั่น clubsport

PORSCHE หน่ะหรอ? ผมเริ่มทำความรู้จักกับมัน ตั้งแต่ยุคที่รถบังคับยังไม่ได้บังคับด้วยรีโมทไร้สายแบบปัจจุบันด้วยซ้ำ รถบังคับ PORSCHE สีขาวที่เป็นของเล่นคู่ใจผมมันฝังใจตั้งแต่นั้นมา ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่ารุ่นอะไรแต่เห็นหน้าตาที่เป็นกบแบบนั้นมันเป็นเอกลักษณ์ที่เด่นชัดกว่ารถรุ่นอื่น จนได้มาสัมผัสคันจริงครั้งแรกสมัยที่เรียนอยู่ต่างประเทศ ตอนนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งเขาขับ 930 Turbo แล้วก็ให้เราลองขับ รู้สึกเลยว่ามันแรงมากแค่ออกตัวมันก็ดิ้นแล้ว แต่ก็แอบคิดว่าขับรุ่นอื่นมันจะรู้สึกปลอดภัยกว่าไหมนะ แล้วผมก็ไม่ได้คลุกคลีกับมันมากนัก ทั้ง ๆ ที่เพื่อน ๆ ผมต่างชักชวนและรบเร้าให้มาเล่น PORSCHE เป็นระยะเวลาร่วม 20 ปีแล้ว แต่เพราะช่วงเวลานั้นจะซื้อรถคันหนึ่งทางบ้านก็จะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องเป็นรถสปอร์ตค่าตัวสูงแบบนี้ เราก็ไม่อยากทะเลาะกับที่บ้าน แต่พอเริ่มโตขึ้นอะไรหลาย ๆ อย่างเริ่มลงตัว ก็ถึงเวลาที่ผมจะทำตามฝันของตัวเองแล้ว

ก็ได้การช่วยเหลือจากคุณราจิต แสงชูโต ช่วยเป็นธุระในการหารถให้ ซึ่งผมไม่รู้เรื่องเลยว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เพียงแต่ผมสนใจและมีหนังสือ PORSCHE อยู่เยอะ เปิดไปเปิดมา เปิดทีไรก็เจอ 964 Turbo หรือเจ้า Bad Boy เนี่ยทุกเล่มเลย คุณราจิตก็เลยบอกว่าถ้าชอบรุ่นนี้ก็หารุ่นนี้แหล่ะ ก็ช่วยกันดูอยู่หลายคันจนกระทั่งไปเจอรถคันหนึ่งที่เจ้าของเก่าเป็นนักสะสม ซึ่งเขาดูแลรักษาสภาพรถไว้ได้ดีมาก วันที่ผมไปเห็นรถ หลังจากเดินดูรอบ ๆ และปิดประตูกรึ๊บ เท่านั้นแหล่ะ เงินหลุดออกจากกระเป๋าเลย และในที่สุดผมก็ได้เป็นเจ้าของ PORSCHE คันแรกในชีวิตเป็น 964 Turbo อย่างที่ชอบ ซึ่งหลายคนก็บอกว่าเล่นคันแรกก็ Bad Boy เลยหรอ? ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้นะ หลายคนบอกว่ามันขับยาก แต่ผมไม่ได้มีปัญหาการขับมันเลยนะ เพราะส่วนหนึ่งผมก็ไม่ได้ขับเกเรอะไร

ทีนี้พอมีคันหนึ่งแล้วก็เริ่มชอบในสมรรถนะของมัน ก็อยากลองรุ่นอื่นดูอีก ก็เลยมานึกดูว่าคันต่อไปเราจะเอาอะไรมาขับอีก เรามีรถ Turbo อยู่แล้ว ถ้าหันมาเล่น N/A บ้างก็น่าจะดีนะ ซึ่งจากความประทับใจแรกของผมคือผมคิดว่า 964 นี่มันสุดยอดแล้วสำหรับผม ไฟตาตั้งของมันดูสวยและมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนรุ่นอื่น ตอนแรกผมก็เลยไปดู 964 3.8 แต่ตอนนั้นเราเห็นราคาแล้วก็ยังแปลกใจว่านี่เขาขายกันพร้อมบ้านรึป่าว ก็เลยมองมาที่เจนเนอเรชั่นถัดมาอย่าง 993 มันก็ดูแปลกตาดีและอีกอย่างมันขับสบายกว่าเยอะเลย ก็ดีเหมือนกันจะได้แตกต่างกับคันก่อน

ผมใช้เวลาอยู่นานในการหา 993 แต่ก็ยังไม่ได้ที่ถูกใจสักที จนกระทั่งวันหนึ่งผมไปเยี่ยมลูกที่เรียนหนังสืออยู่ที่อังกฤษ ก็บังเอิญได้เจอกับรถ 993 CarreraRS Touring คันนี้ขายอยู่ที่ Southampton แต่เจ้าของเขาทำงานอยู่ฝรั่งเศส 3-4 เดือนจะกลับมาที ก็ต้องติดตามกันอยู่พอสมควรกว่าเขาจะมาทำการโอนรถคันนี้ให้กับเราได้ รถคันนี้บางส่วนมีสนิมนิดหน่อยตามอายุ และหน้าปัดก็แสดงให้เห็นว่ารถก็วิ่งไปไม่น้อยเลย แต่ว่าผมก็ตัดสินใจซื้อมันไม่ได้คิดมากอะไร เพราะรถพวกนี้ต่อให้มูลค่าในตลาดมันจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่าก็ต้องดูแลรักษามันต่อไป เพราะผมเริ่มรักมันแล้ว

ผมเป็นคนที่ซื้อรถมาไว้ขับ ไม่ได้ซื้อไว้เก็บ ตอนซื้อผมก็เลยไม่ได้สนใจข้อมูลมากนัก เพียงแต่ต้องการรถพวงมาลัยขวาเพื่อที่จะได้นำมาขับใช้งานได้อย่างสะดวก ตอนที่ซื้อรถคันนี้ก็ทราบเพียงว่า 993 CarreraRS Touring เนี่ยมียอดการผลิตอยู่แค่ 274 คัน แต่เพิ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นรถที่ค่อนข้างหายากพอสมควรเพราะมันเป็น “รถพวงมาลัยขวา” ที่ผลิตมาแค่ 37 คัน และเท่าที่ทราบนี่ก็เป็นคันเดียวในประเทศไทย

พอได้มาผมก็ส่งไปเช็คเครื่อง เช็คช่วงล่าง เปลี่ยนถ่ายของเหลวตามปกติ แล้วก็เปลี่ยนพาร์ทที่มันถูกสนิมกัดกินไปบ้าง หลังจากนั้นก็ใช้งานมาปกติไม่ได้มีปัญหาอะไรกวนใจ ก็โอเคเลยนะตอนนี้ใช้งานได้ปกติ

จุดเด่นของ 993 CarreraRS Touring อยู่ที่เครื่องยนต์อัพเกรดจาก 3.6 ลิตรเป็น 3.8 ลิตร กับความแรงที่ได้เพิ่มมาไม่มาก ( 300 แรงม้า )แต่น้ำหนักที่เบากว่ากัน 150-160 กิโลกรัม ทำให้มันเป็นรถที่ขับสนุกกว่าเยอะเลย คุณราจิตเองที่มี 993 Carrera มานั่งยังบอกว่ามันไม่เหมือนกันเลย โดยภายนอกเราจะยังคงเห็นมันในรูปลักษณ์ที่ถูกกำหนดให้เป็น RS ด้วยสเกิร์ตหน้า และสปอยเลอร์หลังขนาดมหึมาที่ถูกนำมาติดตั้งแทนในขณะที่คนใช้รถรุ่น Carrera ภาคภูมิใจกับ Split Grill ที่กระดกได้ ในตอนแรกผมก็อยากได้สีสวย ๆ ฉูดฉาดในแบบ RS เหมือนกันนะ แต่ดูไปดูมาสี Midnight Blue ของ PORSCHE นี่มันก็เป็นสีที่แปลก คือเนื้อสีมันดูมีเลเยอร์ไม่เหมือนสีอื่น มันก็ดูแปลกดี

ภายในของ 993 CarreraRS Touring ยังคงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกไว้ครบครัน เพื่อไม่ให้การใช้งานนั้นต้องทุกข์ทรมานเกินไป มันไร้ซึ่งโรลบาร์ที่ไขว้ไปทั่วเหมือนเวอร์ชั่น Clubsport และนอกเหนือจากชุดควบคุมกระจกไฟฟ้าแล้วที่คอนโซลยังมีแอร์และชุดเครื่องเสียงที่จริง ๆ ผมอยากถอดออกด้วยซ้ำเพราะผมไม่ได้ฟัง ผมชอบที่จะฟังเสียงเครื่องยนต์ของมันทำงานมากกว่า การฟังเสียงเครื่องที่ดังกึกก้องของเครื่องยนต์ N/A 3.8 ลิตร ที่พ่วงระบบ VARIORAM มันสนุกกว่าเยอะเลย เบาะ Bucket Seat ยังเหวี่ยงตัวผมในเบาะได้นิดหน่อย ตอนนี้เลยเตรียมติดตั้งเบาะ Full Bucket Seat อันเป็นออพชั่นที่ผมสั่งมาเพิ่ม เพื่อให้กระชับและมีตำแหน่งการนั่งที่เตี้ยมากกว่าเดิม แต่มันก็ยังมี Lightweigth Full Bucket Seat ที่เบากว่า ประมาณ 200-300 กรัม แต่ต้องควักแพงกว่าถึงสี่เท่า ซึ่งผมคงไม่ต้องเบาขนาดนั้นมั้ง

ตอนขับครั้งแรกรู้สึกว่ารถมันเบากว่า คล่องตัวกว่า คือมันขับง่ายกว่า Bad Boy เยอะเลย เพราะช่วงล่างก็ปรับปรุงแล้ว คลัทช์เบา ขับสบาย อย่างอื่นก็ไม่ได้ต่างกันในความรู้สึก แล้วการที่มันเป็นรถ Lightweigth จะไม่ค่อยมีแรงส่งในจังหวะที่เราถอนคันเร่ง เพราะฉะนั้นมันความเร็วมันก็ตกลงโดยที่เราไม่ต้องแตะเบรกก่อนที่จะเข้าโค้ง และยังเข้าโค้งได้เร็วเพราะแรงเหวี่ยงหนีศูนย์มันน้อย สามารถเดินคันเร่งในโค้งได้อย่างมั่นใจ เหมือนเราสั่งได้ บางทีเข้าโค้งแรง ๆ ก็มีดื้อนิดหน่อย แต่ก็แต่งพวงมาลัยนิดหน่อย มันก็ควบคุมได้ เบรคเป็นแบบเรซซิ่ง ที่ตอนแรก ๆ จะเบรกไม่ค่อยอยู่ ต้องให้อุณหภูมิของเบรกมันเริ่มร้อนก่อน ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าต้องวอร์มเบรกด้วย เราก็วอร์มแต่เครื่อง วิ่งออกไปพอถึงตอนเบรกเล่นเอาเสียวเลย ดีที่ว่าปกติผมเป็นคนชอบใช้ Engine-Brake ช่วยอยู่แล้ว แม้หลายคนก็จะบ่นว่าเครื่องพัง แต่ผมถนัดแบบนี้

โดยรวมผมว่า 993 CarreraRS Touring มันเป็นรถที่ขับสนุกมาก ต้องเข้าใจว่ามันไม่ใช่รถที่แรง แต่มันถูกเซ็ทมาให้อย่างดีมันทำให้คนที่ชอบขับรถแบบผมรู้สึกชอบเลย ล่าสุดนี่ก็อยากรู้ Performance ของมันจริง ๆ ก็มีโอกาสเอาออกทริป Northern Expedition V กับกลุ่ม RennDrive ก็ขับสบายเลย สามารถตามเพื่อน ๆ ขึ้นเขาได้สบายเลย มันขับง่ายมาก คล้ายกับขับเกียร์ออโต้เลย เพราะคลัทช์ก็แทบไม่ต้องเหยียบ แค่ยกคันเร่งแล้วสวนออกได้เลย ทันทีที่เราหักพวงมาลัยมันสามารถตอบสนองเราได้ทันที ช่วงล่าง RS มันจิกโค้งได้คมกว่าและเราก็โค้งได้อย่างมั่นใจ มันก็เป็นคนละสไตล์กับคันเทอร์โบเลย ถึงตรงนี้ผมหายสงสัยเลยว่าทำไมหลายคนถึงชอบ RS เพราะว่ามันมีเรื่องนี้ด้วย

หลังจากคันนี้ทำให้ผมเห็นถึงความแตกต่างระหว่าง PORSCHE 2 รุ่น ที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกัน อย่าง Bad Boy ก็จะแรงแบบระห่ำ แต่สำหรับ RS Touring ก็จะมีความสบายแบบควบคุมง่าย มันเป็นแรงบันดาลใจที่ท้าทายให้ผมมองหา PORSCHE คันอื่นเพื่อมาศึกษาคาแร็กเตอร์ของมันเพิ่ม ปัญหาคือรถคันใหม่ก็อยากได้ แต่คันเก่าก็รักและไม่อยากขาย ตอนนี้ก็เลยซื้อเพิ่มไปเรื่อย แต่ขออุบไว้ก่อนว่าจะเป็นรุ่นไหน ทั้งหมดนี้ก็ถือว่าโชคดีที่ได้ที่ปรึกษาดี อย่างกลุ่ม RennDrive ที่คอยถ่ายทอดประสบการณ์และแลกเปลี่ยนความรู้กัน และการแต่ง PORSCHE มันไม่ข้อจำกัด ผมไม่เสียดายนะที่จะเอารถ PORSCHE มาแต่งให้เป็น personalize ให้มันเป็นตัวเรา ซึ่งตรงนี้มันโดนใจผมมากเลย ผมชอบอะไรที่มันมีตัวตนมีจิตวิญญาณเป็นตัวตนของเราเอง ตรงนี้ทำให้ผมชอบทำให้ผมชอบ PORSCHE มาก

ถึงตอนนี้ถ้าถามว่าหลงใหลอะไรในแบรนด์นี้ ส่วนตัวผมชื่นชมความตั้งใจในการทำรถสปอร์ตของ PORSCHE เขาค่อย ๆ พัฒนามันไปเรื่อย ๆ ในรถรูปร่างแบบเดิม บางคนบอกหน้าตามันเหมือนกัน แต่แต่ละรุ่นมันต่างกันเยอะจริง ๆ และ PORSCHE สามารถเป็นรถ Daily Use ด้วยไอเดียที่ล้ำมาตั้งแต่แรกแล้วกับการทำ Passenger Car และ Sport Car ให้มารวมอยู่ในคันเดียวซึ่งมันออกมาได้ลงตัวมาก ดูเหมือนความกะทัดรัดมันอาจทำให้ซ่อมลำบาก แต่จริง ๆ แล้วมันคือการใช้เนื้อที่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เดิมทีถ้าเราอ่านประวัติของ Ferdinan Porsche เนี่ย เค้าอยากทำรถ Mid-Engine มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ด้วย economy มันไม่เอื้อ เพราะถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับว่ามันจะไม่ใช่รถครอบครัว มันจะไม่มี Dog Seat ในด้านหลัง คอนเซ็ปท์มันเปลี่ยน แต่เขาก็มุ่งมั่นทำให้รถเครื่องท้ายที่ประหลาดที่สุดกลายเป็นรถที่ดีที่สุดได้ ทำให้รู้สึกว่าความตั้งใจของเขานั้นชัดเจนมาก มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ Inspire เรา คิดดูว่ารถอายุขนาดนี้ มันก็ยังเจ๋งอยู่ มันเป็นแรงบันดาลใจให้เราเวลาขับมัน ผมว่ามันทำให้เรามีชีวิตชีวามากขึ้น เมื่ออยู่หลังพวงมาลัยของ PORSCHE

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *