When the Wind Blows, 930 Turbo Signal yellow

Porsche คันแรกในชีวิต ที่สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็นแต่กลับเกือบจะหลุดมือไปในตอนแรกเพราะความลังเลใจในราคาค่าตัวของมันแต่ด้วยพรหมลิขิตที่เจาะจงให้เขากับ 930 Turbo Signal yellow คันนี้ต้องมาคู่กัน ทำให้คุณปั้น – อาทิตย์เทพ เจริญชัยมีโอกาสได้พบกับเจ้า 930 Turbo สีเหลืองสุดแสบคันนี้อีกครั้งและแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยมันไปให้ใครอีกเลย

“Porsche 930 Turbo ปี 1980 หรือกันชนย่น เป็น Porsche คลาสสิกที่ทุกคนตามหา ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น และเป็น Porsche คันแรกของผมที่ได้มาแบบบังเอิญ ทั้งที่ความฝันเกือบหลุดลอยไปแล้ว” คุณปั้นเริ่มเกริ่นเล่าตำนานที่มาของ Signal yellow คันนี้ให้เราฟัง  

“ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ผมได้เจอกับ Porsche 930 Turbo คันนี้จอดขายอยู่ในร้านขายรถมือสองแห่งหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้นผมก็พอมีความรู้เรื่องรถคลาสสิกบ้างแล้วล่ะ เพราะผมเล่นเบนซ์คลาสสิกมาก่อน ตอนที่เจอก็พบว่า 930 Turbo คันนี้ ดิบ แห้ง และที่สำคัญคือมันไม่มีสนิมเลย ผมใช้เวลาดูรายละเอียดรถคันนี้ทุกจุดเป็นชั่วโมง ด้วยความสงสัยว่าสภาพแบบนี้ยังอยู่รอดมาได้อย่างไร”

เขาบอกว่าภายในคันนี้เดิมทุกชิ้น แต่มารู้ภายหลังว่าเครื่องยนต์มีปัญหาวิ่งไม่ได้ เลขไมล์ที่หน้าปัทม์อยู่ที่สองหมื่นกว่ากิโลเมตรเอง ซึ่งถือว่าใช้งานมาน้อยมากเมื่อเทียบกับรถในยุคเดียวกัน

“แต่ก็เป็นข้อดีของการที่มันวิ่งไม่ได้ คือทำให้อุปกรณ์ภายในใหม่มากไม่โทรมเลย สอบถามได้ความว่าเจ้าของมือแรกคงไม่มีเวลาดูแลรถ จึงปล่อยให้น้ำมันเครื่องขาด ซึ่งเป็นผลทำให้เครื่องยนต์มีปัญหา สุดท้ายผมวนเวียนดูคันนี้อยู่กว่าครึ่งปี แต่ก็ยังลังเลกับราคาและปัญหาของเครื่องยนต์ จำได้ว่าวันสุดท้ายที่วนไปดูมันได้หายไปแล้ว ผมขนลุกเลย ผิดหวังมาก บอกตัวเองว่า ทำไมเราปล่อยให้หลุดไปได้”

พอพลาดจากรถที่หมายตาไว้ คุณปั้นก็ออกตามหา Porsche คันต่อไป แต่อีกใจก็ยังนึกถึงเจ้ากันชนย่นสีเหลืองคันนั้นอยู่ตลอด

“จนไปเจอ Porsche 930 สีม่วงอีกคันประกาศขายอยู่ ผมก็ติดต่อไปหาเจ้าของ คุยกันสักพักเขาบอกกลับมาว่า พี่สนอีกคันมั้ยครับ ผมมีอีกคันเป็นสีเหลือง ผมนี่อุทาน เฮ้ย! เลย ใจมันนึกถึงคันนี้มาตลอด ตัดสินใจไปดูรถคืนวันนั้นเลย  ทันทีที่ได้เห็นขนผมลุกเลย มันเป็นเจ้า 930 Turbo Signal yellow คันนั้นจริงๆ แถมเจ้าของใหม่เขาก็ซื้อมาได้ในราคาต่ำกว่าที่เราต่อรองด้วย ผมเลยบอกเขาว่าผมขอซื้อคันนี้มาทำต่อเอง”

สำหรับชายคนนี้ การฟื้นฟูรถยนต์คลาสสิกไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเขา เพราะคุ้นเคยกันมาตั้งแต่อายุ 20 กว่า คุณปั้นเป็นเจ้าของ Mercedes-Benz SL มาแล้วหลายรุ่น ทั้ง 190SL, 280sl (pagoda), 350SL (W107) และรถคลาสสิกอีกหลายคัน

“พอเล่น Benz จนถึงจุดอิ่มตัว ก็พบว่าจริงๆ แล้วเราฝังใจอยากได้รถสปอร์แท้ๆ สักคัน ก็เลยค่อยๆขายออกไปหมด เอาเงินมาทุ่มให้กับ Porsche ต่อ เราเริ่มทำ  restore ใหม่หมดทั้งคัน ยกเว้น ภายใน (เบาะเดิม พรมเดิม และ แผงลำโพงเดิม) สีเหลืองที่เห็นคือสีเดิมแท้ของ Porsche รหัสสี number 114 Signal yellow ซึ่งโทนสีจะใกล้เคียงกับ Yellow Bird ของ RUF ผมฝังใจกับสีนี้เพราะดูรูปบ่อยๆ ในสมัยยังเด็ก ในส่วนของเครื่องยนต์ “ถูกส่งไปทำใหม่ทั้งหมดที่อู่ช่างตี๋ ศรีนครินทร์ โชคดีที่รถคันนี้ยังไม่เคยผ่านการโมดิฟายเครื่องยนต์มาเลย เพราะฉะนั้นอุปกรณ์เดิม ๆ จากโรงงานก็ยังคงอยู่ทุกอย่าง เช่น เทอร์โบที่ยังเป็นของ KKK- K26 ซึ่งหลายคันก็ได้เปลี่ยนไปใช้ K27 กันหมดแล้ว รวมทั้ง Intercooler เดิม ๆ ที่ติดมากับตัวรถ ซึ่ง 930 Turbo คันนี้ ถือว่าเป็นรุ่นแรกที่มี Intercooler”

               Spec. เดิมของ Porsche 930 Turbo คือ เครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ 6 สูบ  ความจุ 3.3 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วย Bosch K-Jetronic มีพละกำลัง 300 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 412 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ 4 จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 4.8 วินาที และมี Top speed ถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

“ของบางชิ้นเป็น new old stock ช่วงล่างเป็น BILSTEIN วิทยุของแท้ อย่างพวกไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว กระจกหน้า รวมถึงล้อ Fuch ผมได้มาจากการบิต Ebay ซึ่งบางชิ้นค่าส่งแพงกว่าค่าของเสียอีก แต่เราก็ยินดีที่จะทำให้มันกลับมาเดิมๆ มากที่สุด พอทำเสร็จผมก็สั่งคู่มือที่เป็น Book service  และ Manual ของรถเล่มใหม่มาเก็บไว้ แล้วให้ช่างกรอเข็มไมล์กลับเป็นศูนย์เหมือนเป็นรถของเราคันแรก” เจ้าของรถเล่าพลางชี้ชวนให้เราดูดีเทลต่างๆ ของรถที่เขาพยายามรักษาไว้ ทั้งเพลทโลหะต่างๆในห้องเครื่องยนต์ รวมไปถึงร่องตัวอักษร PORSCHE ใต้สปอยเลอร์ที่เขาบอกว่าหลายคันมักจะลบหายไปจากการ

โป้วสีทับด้วยความไม่รู้ “เอกลักษณ์อีกอย่างของรุ่นเทอร์โบ คือตัวอักษร TURBO ที่เป็นลายปักลงไปบนพรม จะอยู่ด้านหลังเบาะหลังซ้าย ซึ่งต้องพับเบาะลงมาจึงจะเห็น รุ่นนี้เป็นรุ่นช่องแอร์เล็ก มีสี่เกียร์ และเป็นรุ่นที่ติด Intercooler รุ่นแรก”

สำหรับการดูแลรักษาเจ้า 930 Turbo Signal yellow  คันนี้ให้คงสภาพเหมือนใหม่ คุณปั้นได้แนะนำเคล็ดลับหลายอย่างให้เราฟัง

“คือผมจะวอร์มรถอย่างระวัดระวัง วิ่งอาทิตย์ละประมาณสิบกิโลเมตร ผมไม่ล้างรถถ้าดูอากาศแล้วฝนจะตก หรือช่วงหน้าฝนจะระวังมาก จะใช้วิธีเช็ดหมาด ใช้ผ้าชามัวร์ชุบน้ำลูบทั้งคัน เคลือบสีเดือนละครั้ง เบาะหนังที่ยังนุ่มคงสภาพใหม่อยู่นั้น ผมได้คำแนะนำจากพี่ท่านหนึ่งในวงการนี่แหล่ะ ให้เอาครีมทาผิวยี่ห้อหนึ่งทา เพราะเขาบอกว่าหนังวัวก็เหมือนหนังคนต้องการความชุ่มชื้น และใช้สารเคมีให้น้อยที่สุด ซึ่งมันก็ทำให้เบาะรถคันนี้อยู่ทนและนิ่มจริงอย่างที่เขาว่า”

สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับเมืองไทยอีกอย่างคือเรื่อง “หนู” ที่ชอบเข้าไปกัดสายไฟ คุณปั้นบอกว่าเขาแก้ปัญหาด้วยการลงทุนทำที่จอดรถอย่างดี ครั้งเดียวจบ

“พวกหนูพอมันเข้าไปกัดแล้วเราก็ไม่รู้ว่าสายไฟเส้นไหนที่โดนบ้าง เวลาซ่อมบำรุงจะยุ่งยากมาก ดังนั้นผมจึงต้องทำโรงจอดรถที่เป็นโรงปิดมิดชิด จากนั้นก็ไม่มีปัญหาเรื่องหนูมากวนใจอีกเลย”

ถึงวันนี้คุณปั้นบอกว่าเขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่หันมาเลือกคบกับ Porsche

“น้อยคนมากเล่น Porsche แล้วที่จะมีคันเดียว ของผมจาก 930 Turbo คันนี้ ก็ต่อยอดไปเป็นรุ่นอื่นๆ เข้ามาอีก เช่น 964 c2,

แล้วก็มี 996 GT3 ล่าสุดก็เพิ่งไปตามหา 911 Horngrill มาได้ ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการอยู่ คือการเล่นรถ supercar ยี่ห้ออื่น บางทีหาอู่ดีๆทำยาก หาอะไหล่ยาก ดูแลยาก จุกจิก อยู่อู่มากกว่าอยู่บ้าน แต่สำหรับ Porsche นั้น ซื่อสัตย์ อึด และทนมาก หาอะไหล่ต่างๆ ก็ไม่ยากมาก จะกี่เดือน กี่ปี รูปทรงก็ยังคงเอกลักษณ์ไม่ล้าหลัง รู้สึกว่าเราไม่ได้เอาเงินไปทิ้ง เพราะมูลค่าของตัวรถมันสูงขึ้นตลอดเวลา” คุณปั้นเล่าพลางก้าวเข้าไปใน 930 Turbo คันเก่งของเขา เจ้า Signal yellow  ที่เป็นดัง When the Wind Blows สายลมที่พัดหวนมาหาเจ้าของที่ควรคู่กับมัน ซึ่งนอกจากจะสวยไร้กาลเวลาแล้ว ถึงวันนี้มูลค่าของมันก็น่าจะแซงราคาขายป้ายแดงในวันนั้นไปเรียบร้อยแล้ว

ขอขอบคุณ TheHalls ศูนย์ประชุม จัดเลี้ยง สัมนาวิภาวดีรังสิต 64 แยก 8 โทร 081 405 6916 เอื้อเฟื้อสถานที่

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *