เบื้องหลังบททดสอบหฤโหดของมาคันน์ SUV ไฟฟ้ารุ่นใหม่จากปอร์เช่

สัมผัสกับสมรรถนะและประสิทธิภาพที่เหนือชั้นของมาคันน์รุ่นใหม่ (The new Macan)

  • พบกับรถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) พลังงานไฟฟ้า 100% ใหม่
  • ผ่านการทดสอบภายใต้สภาวะต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบ
  • ระยะทางทดสอบมากกว่า 3.5 ล้านกิโลเมตร 
  • ผ่านการทดสอบในคุณสมบัติเฉพาะของ Porsche E-Performance
  • ที่สุดของความลงตัว ระหว่าง DNA การออกแบบปอร์เช่ และหลักอากาศพลศาสตร์

ปอร์เช่ (Porche) ได้ดำเนินการนำรถต้นแบบของมาคันน์ (Macan) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เข้ารับการทดสอบสมรรถภาพอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตัวสู่สายตาชาวโลกที่กำลังจะมาถึง มาคันน์ใหม่นี้ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมด โดยทีมวิศวกรของ ปอร์เช่ (Porsche) ที่ใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการพัฒนาและทดสอบจนแน่ใจรอบด้าน

หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งทศวรรษหลังการเปิดตัวมาคันน์ (Macan) รุ่นแรก ปัจจุบันถือเป็นการเปิดตัวของเจเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งเป็นรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบนับเป็นแนวทางการพัฒนาใหม่ของปอร์เช่ (Porsche) ที่สร้างบนพื้นฐานของ New Premium Platform Electric (PPE) ซึ่งถือเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV)ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาใหม่หมดอย่างสมบูรณ์แบบพร้อมการทดสอบในทุกกระบวนการเพื่อให้มั่นใจได้ว่าส่วนประกอบและระบบทั้งหมดมีการทำงานอย่างลงตัวและพิถีพิถันปอร์เช่ (Porsche)ให้ความสำคัญกับการทดสอบโดยใช้รถต้นแบบพร้อมทำการทดสอบบนสถานการณ์จำลองในโลกเสมือนจริงและอุโมงค์ลมเพื่อให้มีความแม่นยำมากขึ้นการทดสอบเหล่านี้ทำให้ปอร์เช่ (Porsche)รุ่นใหม่ไม่เพียงแต่อัดแน่นไปด้วยความสปอร์ตแต่ยังมีประสิทธิภาพที่สูงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอยู่ที่ 0.25 ความลงตัวในการออกแบบ และวิศวกรรมด้านอากาศพลศาสตร์

ยอร์ก เคอร์เนอร์ (Jörg Kerner) รองประธานสายผลิตภัณฑ์รุ่นมาคันน์ (Macan)  กล่าวว่า    “ในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือพละกำลังความคล่องตัวและความแม่นยำในการขับขี่เพราะเราคือปอร์เช่และสิ่งเหล่านี้เป็นDNAของเรานอกจากนี้เรายังคงเน้นย้ำเรื่องประสิทธิภาพและการออกแบบเช่นกันความท้าทายอีกประการหนึ่งคือการรักษาเอกลักษณ์ของรถรุ่นที่ประสบความสำเร็จให้ยังคงอยู่ในขณะที่การพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ก็มีความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ารถคันนี้มีประสิทธิภาพสูงและมอบพิสัยการเดินทางได้ไกลหลักการสำคัญคือความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างผู้นำของทั้ง 2 ทีมได้แก่แผนกการออกแบบและแผนกการทดสอบทางอากาศพลศาสตร์ในอุโมงค์ลมอันล้ำสมัยของปอร์เช่

ด้านปีเตอร์ วาร์กา Peter Varga ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบภายนอกของ Style Porsche กล่าวเพิ่มเติมว่า “แน่นอนว่าการมองหาความเชื่อมโยงที่เหมาะสมที่สุดระหว่างหลักการออกแบบของเรากับข้อมูลจำเพาะที่วิศวกรด้านอากาศพลศาสตร์กำหนดให้เรานั้นย่อมเป็นความท้าทายเรากำลังทำงานร่วมกันบนทุกๆรายละเอียดเพื่อให้บรรลุความสมดุลที่เหมาะสมที่สุดระหว่างความสวยงามและการใช้งาน” 

โธมัส วีแกนด์ (Thomas Wiegand) ผู้อำนวยการด้านหลักอากาศพลศาสตร์และด้านเสียงเชิงอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics and Aeroacoustics) กล่าวเสริมว่า “จากการร่วมมือทำงานเป็นทีมปอร์เช่ประสบความสำเร็จในการผสมผสานDNAในการออกแบบเข้ากับหลักอากาศพลศาสตร์ที่เหมาะสมกับพิสัยการเดินทางความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่เผยออกมาผ่านรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเท่านั้นแต่ยังส่งผ่านมายังส่วนประกอบของ Porsche Active Aerodynamics (PAA) และมาตรการอื่นๆที่ตรงเป้าหมายอีกด้วยองค์ประกอบหลักของอากาศพลศาสตร์ที่นำมาใช้ล้วนมีส่วนสำคัญกับการวิ่งระยะไกลเรามีสปอยเลอร์หลังที่ขยายออกอัตโนมัติและแผ่นระบายความร้อนแบบแอคทีฟที่ช่องรับอากาศด้านหน้า” 

นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบที่เป็นตัวแปรบริเวณช่วงล่างของรถด้วยไม่ว่าจะเป็นพื้นตัวถังรถที่เรียบและปิดเหมือนรถแข่งแม้แต่บริเวณเพลาล้อหลังแฟริ่งมีความยืดหยุ่นและทำให้แรงต้านอากาศต่ำเมื่อเด้งกลับซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ผสมผสานกับความคล่องตัวล้อที่ปิดสนิทและโครงสร้างของยางที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมตามหลักอากาศพลศาสตร์เมื่อขับขี่บนทางหลวงชนบทมาคันน์ (Macan)จะแสดงความคล่องตัวได้โดยอัตโนมัติสปอยเลอร์หลังถูกย้ายไปยังตำแหน่ง eco ปีกช่องอากาศถูกปิดและระดับแชสซีจะลดลงซึ่งวีแกนด์(Wiegand)และทีมงานสามารถวัดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานได้ที่0.25 (ก่อนหน้านี้อยู่ที่0.35) ทั้งหมดนี้ทำให้มาคันน์ ใหม่ (The new Macan)ถือเป็นหนึ่งในรถเอสยูวีที่มีระบบอากาศพลศาสตร์มากที่สุดและสร้างประสิทธิภาพได้อย่างมากโดยทุกรุ่นจะมีระยะพิสัยการเดินทางมากกว่า500กิโลเมตรตามมาตรฐานWLTP

ชาร์จไฟพลังงานสูงได้ถึง 270 กิโลวัตต์

มอเตอร์ไฟฟ้าของ Macan รุ่นใหม่จะสามารถดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่อยู่ใต้ท้องรถซึ่งมีกำลังการผลิตรวม100กิโลวัตต์ชั่วโมงทำให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงได้ถึง95กิโลวัตต์ชั่วโมงในส่วนของแบตเตอรี่800โวลต์รูปแบบNew Premium Platform Electric (PPE) สามารถชาร์จไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงและรวดเร็ว  ซึ่งกำลังได้รับการทดสอบทั่วโลกและถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนา “อันที่จริง ตลาดหลักของเราจะมีมาตรฐานการชาร์จที่แตกต่างกันใน ดังนั้นจุดโฟกัสหลักของการทดสอบคือ การทดสอบรถต้นแบบของเราภายใต้เงื่อนไขที่แตกต่างกันในแต่ละสถานที่ และทำการปรับเทคโนโลยีตามที่จำเป็น เพื่อให้การชาร์จทำงานได้ทุกที่และทุกเวลา” ยอร์ก เคอร์เนอร์ (Jörg Kerner) กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับมาคันน์ใหม่(The new Macan)สามารถชาร์จไฟกระแสตรงหรือDCได้สูงถึง270กิโลวัตต์ณสถานีชาร์จไฟกำลัง800โวลต์สำหรับสถานีชาร์จไฟที่ปล่อยกำลังไฟ400โวลต์มาคันน์ (Macan)สามารถเพิ่มระดับการชาร์จไฟจาก10%เป็น80% ในเวลาไม่ถึง22นาทีโดยสวิตช์ควบคุมพลังงานไฟฟ้าแรงสูงในแบตเตอรี่จะช่วยจัดสรรการชาร์จไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการแบ่งแบตเตอรี่800โวลต์ออกเป็น2ก้อนโดยแต่ละก้อนจะมีแรงดันไฟฟ้า400โวลต์ทำให้การชาร์จไฟมีประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษด้วยกำลังไฟ150 กิโลวัตต์โดยไม่ต้องใช้เครื่องดันไฟฟ้าแรงสูงเพิ่มเติมส่วนการชาร์จไฟกระแสสลับหรือAC สามารถทำได้ถึง11กิโลวัตต์

การทดสอบการขับขี่ทุกรูปแบบภายใต้สภาวะอันหฤโหด

ปอร์เช่ได้ทำการพัฒนามาคันน์ใหม่ (The new Macan) โดยให้ความสำคัญกับไดนามิกในการขับขี่ตามแบบฉบับของแบรนด์และคงความรู้สึกในการขับขี่ที่คุ้นเคยคุณสมบัติหลักเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตรถสปอร์ตให้ความสำคัญเป็นพิเศษในระหว่างการทดสอบสำหรับการทดสอบในขั้นตอนต่างๆมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบทุกส่วนประกอบตลอดจนระบบต่างๆที่พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้มั่นใจถึงเสถียรภาพในการใช้งานและการทำงานที่ราบรื่นต่อกันในด้านการทดสอบความทนทานอายุการใช้งานของยานพาหนะจะถูกจำลองภายใต้สภาวะการทำงานที่สมบุกสมบันที่สุดซึ่งในความเป็นจริงลูกค้าจะสัมผัสได้ภายหลังจากที่เกินขีดจำกัดแล้วเท่านั้นจนถึงวันนี้รถต้นแบบของมาคันน์ไฟฟ้าล้วน (The all-electric Macan) ได้ทดสอบการวิ่งไปแล้วกว่า 3.5 ล้านกิโลเมตรบนสนามทดสอบและบนถนนสาธารณะ

ยอร์ก เคอร์เนอร์ (Jörg Kerner)กล่าวเพิ่มเติมว่า “เพื่อทดสอบการทำงานร่วมกันของทุกองค์ประกอบ ว่ารถสามารถทำงานได้ภายใต้สภาพอากาศและสถานการณ์ที่ท้าทาย เราจึงมีการนำรถทดสอบไปใช้ทั่วโลก เราครอบคลุมช่วงอุณหภูมิทั้งหมด ตั้งแต่ลบ 30 องศาเซลเซียสในสแกนดิเนเวีย ถึงกว่า 50 องศาเซลเซียส ที่เราได้สัมผัสใน Death Valley ที่แคลิฟอร์เนีย แน่นอนว่า SUV ต้องใช้งานได้ดีบนทุกสภาพพื้นผิว ดังนั้นเราทดสอบไม่เพียงแต่บนทางหลวงเท่านั้น แต่ยังในทางออฟโรด ไม่ว่าจะเป็นถนนขรุขระ, หิมะ และน้ำแข็ง”  

Porsche ใช้มอเตอร์PSMรุ่นล่าสุดบริเวณเพลาหน้าและเพลาหลังส่งมอบกำลังไฟแบบโอเวอร์บูธมากกว่า450กิโลวัตต์ให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมและการผลิตกำลังไฟที่ดีที่สุดระบบควบคุมการทรงตัวของPorsche Traction Controlที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์จัดการการกระจายแรงบิดมากกว่า1,000นิวตันเมตรขณะLaunch Controlได้แบบเรียลไทม์เพื่อนำเสนอความสมบูรณ์แบบระหว่างสมรรถนะสูงและความสะดวกสบายซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อมาคันน์ (Macan) เหล่าวิศวกรจึงตัดสินใจใช้ระบบPorsche Active Suspension Managementพร้อมเทคโนโลยีแดมเปอร์แบบสองวาล์วระบบกันสะเทือนแบบถุงลมระบบล็อคขวางเพลาล้อหลังและเป็นครั้งแรกที่ระบบล็อกล้อหลังด้วยเพลาบังคับเลี้ยวที่มีมุมบังคับเลี้ยวสูงสุด5องศา

Share