ลาก่อน 964 RUF

มันยากเสมอที่จะปล่อยบางสิ่งที่คุณรักไป สำหรับผมก็เช่นกัน เราทุกคนต้องการนี่ ต้องการนั่น แต่ไม่ยอมปล่อยของเก่าของเราไป ก็เหมือนกับคำกล่าวของชาวจีนที่เคยกล่าวไว้ว่า  ถ้าคุณไม่สามารถปล่อยของเก่าออกไป คุณก็ไม่สามารถปล่อยให้ของใหม่เข้ามา

ผมได้อ่านบทความย้อนหลัง ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าผมอ่านเจอมันที่ไหน แต่ผมคิดว่ามันเป็นบทความที่ดี โดยพื้นฐานแล้วมันค้านกับความคิดตามธรรมเนียมปฏิบัติของคนส่วนใหญ่ที่ชอบสะสมรถและพยายามยึดเหนี่ยวพวกมันไว้ บทความกล่าวไว้ว่า เราถือครองรถไว้เพื่อเจ้าของคนต่อไป ตอนนี้เราเป็นเจ้าของมัน เราสนุกกับมัน หลังจากนั้นเราก็ขายเพื่อที่จะสามารถสนุกรถคันใหม่ และคนอื่นก็มีโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของในสิ่งที่คุณเคยมีและเคยสนุกกับมันด้วย

ผมชอบซื้อรถ โดยเฉพาะรถปอร์เช่และแม้ว่าผมไม่อยากที่จะขายรถพวกนี้ แต่ผมก็ต้องทำ ผมเคยขายรถปอร์เช่คันแรกที่ผมซื้อมาทำและแต่งในแบบที่ผมชอบ ผมเคยขาย 964 ที่เป็นเกียร์กระปุกธรรมดา เคยขาย 964 ที่เป็นเกียร์ทริปทรอนิค เคยขาย 964 Targa C4 เคยขาย 993 RWB เคยขายรุ่น Impact bumper turbo ผมเคยซื้อนี่ ผมเคยซื้อนั่นด้วย บางครั้งผมก็ซื้อรถคันที่ผมเคยขายไปแล้วกลับมา บางครั้งผมซื้อรถรุ่นเดิมที่ผมเคยขายไปแล้ว คนที่ไม่รู้จักผมคงคิดว่าผมบ้าไปแล้ว ส่วนคนที่รู้จักผมก็คงคิดว่าผมบ้าด้วยเช่นกัน บางครั้งผมก็คิดว่า ผมก็บ้าอยู่เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับมาที่บทความนี้ ผมกำลังบอกลาปอร์เช่ 964 RUF CR2 ที่ผมรัก รถคันนี้กำลังจะไปอยู่กับเพื่อนของผม คือ พี่กรผู้ซึ่งเขียนบทความในนิตยสารนี้เช่นกัน ผมรู้ว่าพี่กรจะดูแลและสนุกกับรถคันนี้ได้ทั้งครอบครัว ผมชอบรถคันนี้จริงๆ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง อาทิเช่น ความลงตัวระหว่างสีภายนอกและภายในเข้ากันอย่างดี, ECU ที่รวดเร็ว, ระบบระบายความร้อนน้ำมันเครื่องใหญ่, เบาะหน้ามีความพิเศษ, ล้อรถ, สภาพของรถและที่ชอบมากที่สุดคือ ประวัติความเป็นมาของรถคันนี้ มันถูกรัก ถูกละเลยปล่อยทิ้ง และก็ถูกกลับมารักอีกครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวชีวิตของปอร์เช่ 964 ในโลกของรถยนต์ ผมจำได้ถึงคำพูดของเจ้าของเดิมของรถคนหนึ่งเคยพูดว่า เมื่อเขาได้รถคันนี้มา มันอยู่ในสภาพที่แย่มากจนเกือบจะไม่สามารถขับกลับบ้านได้ อีกคนหนึ่งเคยพูดว่า เขาต้องการขายรถแต่ไม่สามารถแก้ไขเรื่องกลิ่นน้ำมันเบนซินออกไปได้ ส่วนอีกคนหนึ่งคุยเกี่ยวกับการเจอรถคันนี้ครั้งแรกโดยบังเอิญในปี 1990 และอีกคนหนึ่งพูดว่า เขายังจำตอนที่ลูกชายของเขาขับรถคันนี้ได้อยู่เลย ซึ่งบางเรื่องราวก็ไม่ได้มาจากบรรดาเจ้าของเดิมโดยตรง บางครั้งก็มาจากเพื่อนหรือญาติ บ้างก็มาจากเพื่อนๆ บางคนบอกว่า พวกเขาเคยเห็นรถคันนี้ในโชว์รูมเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาและเสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้ซื้อ บ้างก็พูดว่า ถ้าเค้ารู้ว่าวันหนึ่งอู่ซ่อมรถในไทยสามารถแปลงกล่องเกียร์อัตโนมัติเป็นกล่องเกียร์ธรรมดาได้ คงจะซื้อรถคันนี้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ยังมีประวัติและความทรงจำอีกมากมายที่เราไม่รู้ แต่แน่นอนว่า ความทรงจำใหม่กำลังจะถูกพี่กรและครอบครัวของเขาสร้างขึ้นต่อจากนี้

แต่ทำไมผมจึงตัดสินใจปล่อยรถคันนี้ไปสู่ครอบครัวใหม่ล่ะ? เอาละ ผมไม่ได้วางแผนขายอย่างจริงจัง ไม่ได้ประกาศขาย แต่ต่อมา พี่กรตัดสินใจขายปอร์เช่ 912 ปี 1967 เป็นคันที่ผมเคยหลงรักมาตั้งแต่แรกเห็นเมื่อประมาณสองปีก่อน ผมจึงบอกพี่กรว่าผมชอบคันนี้จริง แต่มีเงินสดไม่พอที่จะซื้อรถคันนี้ ซึ่งพี่กรตอบมาว่า พี่ก็ชอบและเคยมี 964 เหมือนกันแต่ตอนนี้ยังไม่มี ต่อจากนั้น ที่เหลือจึงเป็นเรื่องง่ายดาย เพียงแค่คำนวณมูลค่าของรถแต่ละคัน และตกลงจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายเพิ่ม หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา เราก็นัดกันเพื่อดื่มกาแฟและต่อด้วยการสลับรถของแต่ละคนขับกลับไป

แล้วอะไรล่ะที่พิเศษเกี่ยวกับปอร์เช่ 912? ทำไมผมถึงต้องจ่ายเงินเพิ่มในการแลกกับรถ 964 ของผมน่ะเหรอ? คนทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมในโลกนี้รถที่เก่ากว่า, ความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์น้อยกว่า, ขนาดเล็กกว่า จึงมีราคาแพงกว่ารถที่ใหม่กว่า, ความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์มากกว่า, ขนาดใหญ่กว่า รวมถึงมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากกว่า? ซึ่งตารางต่อไปนี้จะเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่าง

รุ่น

912

964

ปี

1967

1990

ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี)

1600

3600

จำนวนกระบอกสูบ

4

6

อัตราส่วนกำลังอัด

9.3 : 1

11.3 : 1

ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.)

82.5 x 74

100 x 76.4

แรงม้าสูงสุด (กิโลวัตต์) / รอบต่อนาที

90 / 5800 rpm.

247 / 6100 rpm.

แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร) / รอบต่อนาที

122 / 3500 rpm.

310 / 4800 rpm.

น้ำหนักรถ (กิโลกรัม)

970

1410

อัตราเร่ง (0-60 mph.)

11.6s

5.5s – เกียร์ธรรมดา

6.2s – เกียร์ทริปทรอนิค

ระบบเบรค ABS

ไม่มี

มี

ระบบปรับอากาศ

ไม่มี

มี

(หมายเหตุ  ข้อมูลจาก Wikipedia และ www.carfolio.com)

แต่หากเราดูที่หมายเลขผลิตของรถ คุณจะตระหนักได้ว่ารถปอร์เช่ 912 ผลิตระหว่างปี 1965 – 1969 จำนวน 32,500 คัน ส่วนปอร์เช่ 964 ผลิตระหว่างปี1989 ถึงปลายปี 1993 จำนวน 63,762 คัน (ขอขอบคุณข้อมูลจาก Wikipedia) ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าจำนวน 912 และ 964 มีจำนวนกี่คันในประเทศไทย แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่าจำนวนของรถ 912 ที่ขับพวงมาลัยขวามีจำนวนน้อยกว่ารุ่น 964 อย่างแน่นอน

  ผมได้อ่านบทวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับปอร์เช่ 912 แต่ผมยังไม่เคยมีรุ่นนี้มาก่อน ในขณะที่ผมเป็นเจ้าของ RUF 964 มาหนึ่งปีแล้ว ซึ่งผมคิดว่ามันน้อยไป ยังอยากเก็บไว้อีกสักพักหนึ่ง แต่โอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของ 912 นั้นยิ่งน้อยกว่า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสแบบนี้อีกครั้ง ผมจึงตัดสินใจปล่อย RUF 964 ไป และอย่างที่ผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้ เพื่อว่าพี่กรจะสามารถสร้างความทรงจำได้มากขึ้น ส่วนผมก็จะสร้างความทรงจำใหม่กับปอร์เช่ 912 คันนี้ ซึ่งผมคิดว่าเราทั้งคู่กำลังจะมีความสุขกับการตัดสินใจของพวกเรา….

 

บทความโดย คุณพอลล์
นิตยสาร GTPORSCHE ฉบับที่ 46

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *