THE FRONT MEMORY : จิ๊บ-ปจิตพงษ์ พงษ์ศิวาภัย

ในยุคหนึ่งที่ PORSCHE ขับหน้าในตำนานอย่าง 944 ค่อย ถูกบรรดา PORSCHE เครื่องวางหลังบดบังรัศมี ทำให้ราคาร่วงโรยลงไปจนต้องเผชิญกับชะตากรรมอันน่าขมขื่น โดยปล่อยปะละเลยให้ผุพังไปตามกาลเวลา หรือถูกดัดแปลงจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม ทำให้ปัจจุบันมันเป็นรถที่หาดูได้ยาก และตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นมันบนท้องถนน ยังโชคดีที่ในการรวมตัวของเหล่า PORSCHE ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง Dastreffen มีรถ 944 สวย ที่เคยซ่อนตัวอยู่ได้ออกมาโชว์ตัว

เป็นกลยุทธ์ของ PORSCHE ที่มักจะชิมลางด้วยรุ่นที่ดูไม่หวือหวาเพื่อรับฟังเสียงวิพากวิจารย์ แล้วค่อยปล่อยหมัดเด็ดออกมาภายหลังให้คนที่เคยว่ามันต้องกลืนน้ำลาย เหมือน 944 ก็ป็นเช่นนั้น มันถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ตัวให้กับ 924 ที่ใคร ก็ต่างกันนิยามว่ามันไม่ใช่ PORSCHE แต่เป็นแค่หุ่นเชิดของ Volkswagen เพียงเพราะมันใช้เครื่องยนต์ที่พัฒนาโดย Volkswagen และเป็น PORSCHE รุ่นร่างกายผอมบางไร้ซึ่งโป่งล้ออันบึกบึน ซึ่งการเติมโป่งล้อทั้งสี่ให้กำยำขึ้นใน 944 เป็นการแก้เกมส์อย่างดีในช่วงปี 1982

944 มีทั้งแบบ Coupe และCabriolet รวมถึงมีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบและเครื่องยนต์ N/A มียอดขายรวมกันเกิน 163,000 คัน เป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของมัน เป็นยอดขายที่สูงที่สุดของ PORSCHE อยู่ยาวนานจนกระทั่งมี Boxster / Cayman และ 997 มาคว้าตำแหน่งนี้ต่อในอีกหลายปีให้หลัง ทางการตลาดถือว่ามันมาช่วยให้ PORSCHE หลุดพ้นวิบากกรรมทางการเงิน อาจด้วยเพราะค่าตัวที่ยังสามารถเอื้อมถึงได้ อย่างน้อยก็ยังไม่เท่าบรรดา 911 ทั้งหลาย และ 944 เป็นมากกว่ารถที่ทำยอดขายอย่างดีให้กับ PORSCHE เครื่องยนต์ที่วางหน้าและระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่ด้วยการวางชุดเกียร์ไว้ที่ใกล้เฟืองท้ายด้านหลังทำให้การกระจายน้ำหนักระหว่างหน้าและหลังมันแทบจะเป็น  50:50 มันคือความจริงที่เป็นรางวัลจากการใช้เครื่องยนต์วางหน้า และวางชุดระบบขับเคลื่อนไว้อยู่ด้านหลังที่เรียกว่า Transaxle ของ PORSCHE 944 ส่งผลให้มันมีบาลานซ์ดีอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของเครื่องยนต์ 8 วาล์วในรุ่นแรก ทำให้ในปี 1987 ต้องพัฒนา 944 S ออกมาซึ่งอักษร S ที่กำกับต่อท้ายมาหมายถึงความเป็น Super ด้วยเครื่อง 16 วาล์ว 190 แรงม้า  และในอีกสองปีต่อมาก็ได้พัฒนาเป็น 944 S2 ที่มีความแรงถึง 211 แรงม้า ซึ่งกระแสก็กำลังไปได้สวยและในขณะที่กำลังวางแผนจะพัฒนา 944 S3 เป็นรุ่นถัดไปได้ 80 เปอร์เซ็นต์ ก็เล็งเห็นว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนโมเดลไปฟัดกับคู่แข่งแล้ว จึงต้องเปลี่ยนแผนแล้วพัฒนา 968 ออกมาเป็นทายาทรุ่นต่อไป

ความอยากเป็นเจ้าของ 944 ของผมเริ่มมาตั้งแต่สมัยผมเรียนหนังสืออยู่ที่อเมริกา หอพักที่อาศัยอยู่นั้นจะมีรถ PORSCHE 944 TURBO สีแดง Guards Red ซึ่งผมจำได้ดีเพราะมันเป็นรถของเพื่อนต่างชาติที่พักอยู่ห้องใกล้ กัน ในเวลานั้นผมจะต้องจ้องมองมันทุกครั้งเวลาที่เห็นมันจอดอยู่ เป็นความทรงจำที่ตราตรึงใจวัยรุ่นในตอนนั้นอย่างมาก ด้วยความที่มันเป็น PORSCHE ที่วัยรุ่นก็ชอบอยู่แล้ว แถมยังเป็นสีแดงด้วย มันเลยดูเด่นมาก เลยมักจะวาดความฝันอันสวยหรูกับคุณตู่เพื่อนคนไทยที่เรียนด้วยกันแล้วก็บ้ารถด้วยกันทั้งคู่อยู่บ่อยๆ แต่ตอนนั้นกำลังเรายังเล่นได้แค่รถญี่ปุ่นธรรมดาๆ กันอยู่เลย

แล้วผมก็กลับมาเมืองไทยและใช้เวลาในการทำธุรกิจเกี่ยวกับบริษัทออกแบบไปจนเกือบจะลืมความฝันของผมกับ 944 ไปแล้ว จนกระทั่งเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ตู่ได้เปิดลิ้นชักแห่งความทรงจำของผมอีกครั้ง เมื่อเขาโทรมาบอกว่ามี 944 คันหนึ่งกำลังประกาศขายอยู่ และผมคิดว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วกับการที่เราจะได้ขับ PORSCHE กัน ผมไม่รีรอที่จะนัดหมายดูรถในทันที รถคันนี้ถูกจอดอยู่ในเต็นท์ขายรถยนต์มือสองแห่งหนึ่ง มันเป็นรถสีแดงแบบเดียวกับคันที่เราเคยอยากได้เลย เป็นรถของเจ้าของเต็นท์ แม้สภาพตอนนั้นมันกำลังถูกรื้อชิ้นส่วนเพื่อเตรียมการบูรณะอยู่แต่มันก็ไม่สามารถบดบังรัศมีความสวยงามของรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของ 944 ได้

สิ่งที่ผมชอบที่สุดของ 944 ก็คือก็มุมมองด้านท้ายที่มีโป่งสยายออกมาดูเซ็กซี่รับกับสปอยเลอร์หลังชิ้นเล็กที่เป็นยาง วันแรกที่ผมไปเห็นรถแล้วเอามือบีบยางสปอยเลอร์ที่มันยังนุ่มนิ่ม มันให้ความรู้สึกที่ดีมากจริง และออฟชั่นอีกอย่างที่ทำให้ผมชอบคันนี้คือมีหลังคาซันรูฟด้วย ทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยากเลย

ทันทีที่ผมได้รถมาก็เริ่มศึกษาถึงแนวทางโดยภาพของรถเพื่อนต่างชาติคนนั้นยังอยู่ในหัวตลอด โดยรถคันนี้เดิมทีตอนซื้อมาเป็น 944 รุ่นธรรมดาสเป็คอเมริกา พวงมาลัยซ้าย กันชนแบบบิ๊กบัมเปอร์ ก็เลยสั่งอะไหล่ 944 Turbo อีกคันจากต่างประเทศเข้ามา เพื่อที่จะจัดการแปลงโฉมให้มันเป็น Turbo Look ด้วยกันชนหน้าที่มีสปอร์ตไลท์ดวงใหญ่ เสร็จแล้วก็ทำสีใหม่ โดยเลือกใช้เป็นโทนสีเดิมของเขานั่นแหล่ะ ขาดแต่เพียงเครื่องยนต์ที่ยังไม่ได้ย้ายมาจากคัน TURBO ที่เป็นอะไหล่ เพราะเครื่องยนต์ที่ติดมากับรถยังใช้งานได้ดีอยู่

เครื่องยนต์เดิม 8 วาล์ว 2.5 ลิตร 147 แรงม้า อาจจะเฉื่อยชาและเหมาะสมกับการเดินทางที่ไม่เร่งรีบ มันเป็นเครื่องที่ไม่มีอะไรซับซ้อนแต่อาจจะมีจุกจิกบ้างในส่วนของระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ค่อนข้างล้าสมัยแต่ส่วนอื่น ก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่บอกว่าเครื่องยนต์ยังใช้งานได้ดีส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนชุดกล่อง ECU เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายมากขึ้น ด้วยการเอากล่อง ECU Tuning อย่าง HKS F-con มาควบคุมระบบการฉีดน้ำมันและจุดระเบิดแทนของเดิม โดยการเอามาใส่ก็ต้องทำชุดสายไฟใหม่ พร้อมกับการฝังเซนเซอร์ต่าง ลงไป โดยต้องมีการติดตั้ง Cam Sensor เพื่อหาตำแหน่งการหมุนของเครื่องยนต์ และ Map Sensor เพื่อตรวจวัดแรงดันอากาศในท่อไอดีเพื่อการวิเคราะห์และคำนวนการฉีดเชื้อเพลิงและจุดระเบิดได้อย่างแม่นยำ สำหรับตอนนี้ผมพอใจมากแล้วกับลุคที่อยากให้มันเป็น และมีเครื่องยนต์ที่สตาร์ทง่ายทำให้สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างสบายใจ

แต่ก่อนผมไม่รู้นะว่าทำไมหลายคนพอมี PORSCHE คันแรกแล้วจะต้องมีคันที่สองที่สามตามมา สำหรับผมเริ่มต้นจากความชอบในบอดี้ แต่พอได้ขับจริงมันเป็นรถที่ชัดเจนในเรื่องของคาแร็คเตอร์ในการขับขี่ที่มีเสน่ห์ จนสุดท้ายแล้วผมก็อยากลองสัมผัส PORSCHE เครื่องวางท้ายที่ใคร ก็ต่างยกย่องอย่าง 911 แต่คราวนี้ก็อยากให้ใช้งานทุกวันได้แบบสะดวกสบายขึ้น ก็เลยเลือกรุ่นที่มีอายุน้อยหน่อยสรุปคือผมก็ไปซื้อ 911 (997) มาอีกคัน สุดท้ายแทบไม่ต้องสนใจเลยว่า PORSCHE จะวางเครื่องยนต์ไว้ข้างหน้าหรือข้างหลังเพราะมันต่างเป็นรถที่ขับได้ยอดเยี่ยม และ 944 ก็ไม่ได้เป็นรถที่วางเครื่องยนต์ไว้ผิดที่ผิดทางอะไรแถมยังมีราคาที่น่าคบหาอีกด้วย

คุณจิ๊บเจ้าของรถ กับคุณตู่ เพื่อนซี้ที่คลั่งไคล้ในรถยนต์เหมือนกัน ผู้ที่ชี้เป้าและเป็นธุระให้กับโปรเจ็กต์นี้

 

_
ชมแกลอรี่ภาพถ่ายเพิ่มเติม
คลิก > http://bit.ly/30s7qQ9

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *