สิ่งที่ง่ายที่สุดคือตอนที่เราซื้อรถ

ากตอนนี้เรามองย้อนกลับไป เราจะเห็นว่าสิ่งที่ง่ายที่สุดคือตอนที่เราซื้อรถ แต่หลังจากนั้น ทุกอย่างก็จะค่อยๆยากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเมื่อครั้งที่ผมเจอรถ 911 คันนี้มันถูกดัดแปลงให้เป็น 964 เทอร์โบ และแปลงจากรถยุค 60 ให้กลายสภาพเป็นรถยุค 90 จากรถที่บอดี้ทรงแคบถูกดัดแปลงบอดี้ให้กว้างขึ้น เจ้าของเดิมใส่สเปเซอร์ไว้อย่างหนาเลย ในส่วนของคาริปเปอร์ก็ถูกติดกาวและสวมคาริปเปอร์ให้ใหญ่อีกชั้น น่าเสียดายที่ตอนเจอรถคันนี้ครั้งแรกผมไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ซึ่งหลังจากที่ผมได้รถคันนี้มา ต้องรื้อทุกอย่างออก เริ่มสั่งของ และทำรถคันนี้ใหม่ตั้งแต่ต้น

ช่วงการสั่งอะไหล่นั้นถือว่ายังง่ายอยู่ เพราะผมมีแหล่งซื้ออะไหล่จากประเทศเยอรมณี หลังจากได้รับอะไหล่แล้ว ผมคิดว่าทุกอย่างน่าจะราบรื่น แต่ใครจะคิดว่ามันกลับตรงข้ามกับที่คิดไว้เลย

เริ่มจากอู่ทำสีรถที่เพื่อนของผมแนะนำและผมเคยเห็นผลงานการทำสีของอู่นี้มาหลายต่อหลายคัน หลังจากที่ผมส่งรถไปที่อู่ ผ่านไป 12 เดือน ทางอู่ยังไม่เริ่มทำอะไรกับรถของผมเลย จึงย้ายไปทำอีกอู่ แต่ผ่านไป 6 เดือน อู่นี้จำเป็นต้องย้ายออกจากที่เดิมเนื่องจากหมดสัญญาเช่า จึงต้องเสียเวลารอกว่ารถจะทำแล้วเสร็จก็อีกเดือนต่อมา เมื่อทำสีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมแพลนที่จะส่งรถไปยังอู่ที่รับติดตั้งระบบไฟฟ้าและเดินสายไฟภายในรถ เพื่อให้รถคันนี้สามารถนำออกมาขับได้ แต่รอแล้ว 6 เดือน ทางอู่ยังไม่มีคิวให้ จึงต้องเปลี่ยนไปทำอีกอู่หนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญในการแต่งรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ซึ่งหลังจากทำไปได้ประมาณ 3 เดือน ก็ต้องหยุดทำเพราะยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ ทำไป 1 เดือน หยุดไป 1 เดือน จึงต้องยอมแพ้แล้วย้ายไปทำที่อู่ใหม่ ใช้เวลาอีกประมาณ12 เดือน รถคันนี้ก็สามารถนำออกมาขับได้ แต่ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก ซึ่งทางช่างบอกว่า เค้าเจอปัญหาไม่สามารถเซ็ตล้อให้ตรงได้ อาจเป็นเพราะแชสซีของรถมันเบี้ยว ยังไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร แต่ช่วงนั้นเป็นจังหวะที่ผมได้รู้จักคุณโจ TJ Garage เนื่องจากผมเพิ่งนำรถอัลฟ่าไปให้คุณโจช่วยดูให้ จึงมีโอกาสได้เห็นคุณโจทำรถปอร์เช่ของเพื่อนๆ ซึ่งแต่ละคันทำออกมาได้ดี ผมจึงส่งรถคันนี้ไปให้คุณโจช่วยดูแลอีกคัน และคิดว่าการแก้ไขน่าจะยากกว่าเริ่มทำใหม่ จึงตัดสินใจรื้อทุกอย่างออกแล้วเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง โดยระหว่างที่อู่ TJ ดำเนินการตกแต่งภายในห้องโดยสารพร้อมทั้งเปลี่ยนสีรถเป็นสีเขียว เดินระบบไฟฟ้าใหม่รวมถึงบอดี้และช่วงล่างของรถทั้งหมด ในส่วนของทีมพาวเวอร์แลปก็ดำเนินการแก้ไขเครื่องยนต์ควบคู่ไปด้วยพร้อมๆกัน หลังจากนั้นอีก 12 เดือน ผมสามารถนำรถคันนี้ออกมาขับได้สภาพค่อนข้างดีจนเกือบสมบูรณ์และทันกำหนดที่จะนำรถไปโชว์ในงาน Das Treffen 2018  สนามอิมแพ็คสปีดพาร์ค บริเวณริมทะเลสาบเมืองทองธานี

ซึ่งนับตั้งแต่งานเมื่อปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ผ่านมาประมาณ 10 เดือน ผมยังคงใช้งานรถคันนี้ขับไปที่นั่นที่นี่ แต่ก็สังเกตเห็นว่ายังมีหลายจุดที่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม ไม่ได้หยุดที่จะปรับปรุงและพัฒนารถ ตอนนี้แค่รอเปลี่ยนคาบูเรเตอร์ ผมคิดว่าหลังจากนี้รถน่าจะสมบูรณ์แล้ว

พอมองย้อนกลับไปในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าการแต่งรถนั้น ไม่ใช่ว่าจะใช้เงินเพียงอย่างเดียวแล้วจบแต่ยังต้องใช้เวลาและอาศัยความอดทนอีกด้วย นั่นอาจเป็นเพราะบางอู่ไม่ได้ทำรถแบบครบวงจร ต้องอาศัยช่างจากอู่อื่นมาช่วยบางส่วนหรือในบางครั้งอาจต้องรอคิวค่อนข้างนาน และถึงแม้ว่ารถจะสามารถนำออกมาขับได้เหมือนว่าทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ในความเป็นจริงมันอาจยังไม่เสร็จก็เป็นได้ แต่อย่างน้อยผมก็โชคดีที่ได้ลงมือทำ ผมไม่สามารถแนะนำหรือบอกทุกคนว่าต้องทำหรือควรทำ เพราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ผมรู้ว่าผมพอแล้ว ผมคิดว่าผมจะไม่ทำโปรเจคแบบนี้อีกแล้ว ครั้งเดียวพอ!!  อีกหน่อยถ้าผมซื้อรถมา ผมอยากจะเริ่มจากรถที่สามารถขับได้แล้วนำมาทำจากจุดนั้นดีกว่า 

หากใครที่อ่านบทความนี้ และกำลังทำรถอยู่ ขอให้ทุกคนทำสำเร็จโดยเร็ว เพราะการที่เราทำรถสำเร็จและได้ขับรถที่เราปั้นมากับมือนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้จริงๆ

บทความโดย พอลล์ กาญจนพาสน์

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *