First Love : 944 turbo

รถปอร์เช่คันแรกที่ผมเคยได้ครอบครอง คือ 944 turbo (รถปี 1986) ในช่วงที่กำลังเรียนปริญญาตรีอยู่ในต่างประเทศ และก็เป็นประสบการณ์ปอร์เช่ที่ผมประทับใจเพราะว่าตลอดสามปี ขับสนุกมากๆ ไม่เคยงอแง ในช่วงเรียนปีสุดท้ายยังได้มีโอกาสทดลองขับ 944 turbo S ที่เคยเป็นรถในคอลเลคชั่นของ Mr. Paul Allen หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Microsoft อีกด้วย แต่ก็ไม่มีงบไปซื้อ เพราะราคาตั้ง สูงกว่า 944 turbo คันที่ผมใช้อยู่เกือบๆ 2 เท่าเลยทีเดียว ณ เวลานั้นถือเป็นราคาที่สามารถซื้อ 911 Carrera 3.2 ลิตร (รถปีเดียวกัน) ได้เลย ในที่สุดก็ไม่ได้ซื้อ จนกลับมาเมืองไทยนานแล้วก็ยังไม่เคยลืมความประทับใจของรถรุ่นนี้ ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นรถที่มีสมรรถนะสูง มีการกระจายน้ำหนักหน้า:หลัง ที่สมดุลย์ และขับง่าย อีกทั้งยังมีเครื่องยนต์สี่สูบที่มีความจุมากที่สุดในโลกในขณะนั้น (2.5 ลิตร) ในยุคนั้นหากใครรีดกำลังได้ใกล้เคียง 100 แรงม้าจากความจุเครื่องยนต์แต่ละลิตรก็ถือว่าเทพแล้ว (944 turbo S รีดกำลังได้ 98.8 แรงม้าต่อลิตร) หากเปรียบเทียบกับปอร์เช่ในปัจจุบัน ก็นับว่ายังเป็นเครื่อง 4 สูบที่ใหญ่กว่า 718 Boxster/Cayman ที่มีขุมพลัง 2 ลิตรเทอร์โบ แต่เรื่องแรงม้า คงต้องยกให้รถรุ่นใหม่ครับ (เครื่องยนต์ของ 718 รีดกำลังได้ถึง 150 แรงม้าต่อลิตรเลยทีเดียว! )

ฟาสฟอร์เวิร์ดหนังชีวิตมาอีก 20 ปี เมื่อเดือนมกราคม หุ้นส่วนของผมที่กัวลาลัมเปอร์ส่งข่าวมาว่า 1 ใน 2 “Silver Rose” (เป็นชื่อของสีพิเศษเฉพาะ สำหรับ 944 turbo S รุ่นนี้เท่านั้น) ที่มีในมาเลเซีย กำลังถูกปล่อยออกมา หุ้นส่วนของผมเป็นคนคลั่งไคล้รถสปอร์ตเหมือนๆกับพวกเรานี่แหละครับ เขารู้ว่านี่คือรุ่นโปรดของผมเลยรีบส่งข่าวมา เรื่องเสียเงินไม่เคยพลาด! ผมได้รื้อฟื้นรายละเอียดและประวัติของรถรุ่นนี้ยาวเหยียด ยิ่งอ่านยิ่งอิน สรุปสั้นๆได้ใจความว่า นี่คือ 1 ในรถพวงมาลัยขวาจำนวน 300 คัน จากจำนวนผลิตทั้งหมด 1,000 คัน บนพื้นฐานของรถแข่ง 944 turbo Cup สีภายนอกและภายในเป็นอุปกรณ์เฉพาะรุ่น ชุดเบรคมาตรฐานได้รับมาจาก 928 S4 พร้อมระบบ ABS (เพิ่งมีการเริ่มใช้ในยุคนั้น) ช่วงล่าง เกียร์ คลัทช์ เทอร์โบ และอื่นๆ ได้รับการอัพเกรด จนทำให้ 944 turbo S กลายเป็นรถเครื่องยนต์สี่สูบที่เร็วที่สุดในยุคนั้น และกลายเป็นคู่แข่งของพี่ใหญ่ 930 turbo ไปด้วย นิตยสารรถยนต์บางเล่มในยุคนั้นได้มีการนำ 944 turbo S มาทำ road test กับ 930 turbo เสียด้วยซ้ำ ลองหาอ่านดูได้ตามอินเตอร์เน็ท แต่ตัวเลขเปรียบเทียบพวกนั้นคงไม่ค่อยมีความหมายเท่าไรแล้ว เพราะเราคงไม่ได้ตัดสินใจซื้อรถวินเทจเพราะตัวเลขสมรรถนะ แต่เป็นการซื้อด้วยความชอบส่วนตัวหรือคุณค่าทางจิตใจมากกว่า สำหรับผมรถรุ่นนี้คือการกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของประสบการณ์ปอร์เช่ที่เคยประทับใจ และก็เพื่อเติมเต็มความใฝ่ฝัน(ที่เคยหลุดมือไป) นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่จะได้สนุกกับปอร์เช่เครื่องวางหน้า และข้ออ้างที่จะขับรถปอร์เช่สีสวยหวาน เวลาผมไปประชุมงานที่มาเลเซีย !