พา Porsche 1967 เข้าโปรแกรมโร้ดทริปของ RennDrive

บับนี้ เราจะพูดถึง Porsche 1967 คันที่ผมขับร่วมทริปขึ้นเหนือเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยปกติทุกปีโปรแกรมโร้ดทริปของ RENNDRIVE ช่วงต้นปีจะเป็นทริปขึ้นเหนือ ส่วนช่วงกลางปีจะลงใต้ หรือบางครั้งอาจมีทริปปลายปีเพิ่มขึ้นมาแล้วแต่โอกาส โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยได้ร่วมทริปลงใต้สักเท่าไหร่ ผมชอบร่วมทริปขึ้นเหนือมากกว่าเพราะชอบขับรถขึ้นภูเขา ได้ขับผ่านทิวทัศน์สองข้างทางและโค้งสวยๆตามแนวเขา เวลาเราขับรถขึ้นไปสูงๆจะรู้สึกว่าอุณหภูมิค่อยๆลดลง  และเมื่อมองออกไปไกลๆ จะเห็นภูเขาหรือน้ำตก ก็เป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกสบายตา แต่น่าเสียดายในช่วงที่ไปนั้นเป็นช่วงที่สภาพอากาศไม่ค่อยดี มีฝุ่นค่อนข้างเยอะ แต่อย่างน้อยถนนหนทางและสถานที่ที่ได้ไปยังคงความงดงาม รวมถึงอาหารยังอร่อยเช่นเดิม

ในทริปนี้ มีรถเข้าร่วมขบวนมากกว่า 35 คัน ตั้งแต่รถรุ่นใหม่จนถึงรุ่นเก่าผสมกัน ส่วนตัวผมนำรถที่เก่าที่สุดและแรงม้าน้อยสุด (ช้าสุด) ไปร่วมทริปกับเค้าด้วย โดยก่อนถึงวันเดินทาง คนในกลุ่มถามกันว่าใครเอารถคันไหนไปบ้าง ผมก็ตอบไปว่าจะนำคันนี้ไปขับชิลๆ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ พอถึงวันที่ต้องไปรับรถที่สนามบิน ทุกคนก็ตกใจว่าเอาจริงเหรอ นึกว่าพูดเล่นซะอีก ช่วงก่อนออกเดินทางจากจุดสตาร์ท ทางหัวหน้าแก็งค์ของเราอธิบายเส้นทางคร่าวๆและแบ่งรถออกเป็น 4 กลุ่ม โดยแบ่งตามความเร็วที่นักขับชอบทำ ซึ่งแน่นอนว่ารถของผมต้องเป็นคันปิดท้ายขบวน ถ้าเห็นรถของผมเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่าทุกคันมาถึงกันหมดแล้ว

ทริปนี้มีแขกพิเศษมาร่วมด้วย นั่นคือ Stephen Bogner ซึ่งเป็นช่างภาพมืออาชีพที่ช่วงหลังทำหนังสือหรือบทความเกี่ยวกับถนนสวยๆในต่างประเทศ  เมื่อปีก่อนเราเคยขับขึ้นเหนือด้วยกันแล้ว พอมาปีนี้เค้าจึงตั้งใจกลับมาเพื่อทำหนังสือเส้นทางถนนสวยๆของประเทศไทยบ้าง  โดยวันแรกของทริปเค้านั่งไปกับผม ส่วนเพื่อนของเค้านั่งไปกับรถในกลุ่มอีกคัน ซึ่งตลอดเส้นทางพวกเราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถ, เรื่องการขับรถ,  เรื่องครอบครัว, เรื่องถ่ายรูป, เรื่องกินจนไปถึงเรื่องทำร้านอาหาร ซึ่งผมมองว่า เค้าสามารถหากินกับรถและกล้องถ่ายรูปได้ แต่ผมนี่ต้องเสียตังค์ให้กับรถและกล้องสลับกัน

และเมื่อพวกเราเริ่มขับออกจากจุดสตาร์ทได้ไม่นาน แผนการที่เตรียมกันไว้ก็ล่มซะแล้ว รถคันของผมเป็นคันปิดท้ายแต่ดูเหมือนว่าจะห่างจากรถคันข้างหน้าจนไม่รู้ว่าพวกเค้าหายไปไหนกันแล้ว ส่วน Stephen ก็เริ่มถ่ายรูปถนนสวยๆไปเรื่อยๆตลอดเส้นทาง แต่สักพักก็บอกให้ผมโทรหาพี่เต้น เพื่อบอกให้เพื่อนๆในกลุ่มข้างหน้าจอดรอเราเพื่อถ่ายรูปกัน ไม่งั้นในรูปที่ถ่ายมาจะมีแค่ถนนสวยๆแต่ไม่มีรถอยู่บนถนนเลย พอถ่ายรูปเสร็จ เราก็ขับรถตามกันไปยังร้านอาหารที่ได้นัดหมายกันไว้

หลังจากทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราเริ่มออกเดินทางต่อไปยังเขื่อนภูมิพล โดยเส้นทางบนสันเขื่อนเป็นถนนขนาดเล็ก เราต้องขับเรียงต่อกันเป็นขบวนเข้าไป และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้มาเห็นเขื่อนภูมิพลด้วยตาตัวเอง ตัวเขื่อนมีความใหญ่โตและมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว เป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกที่สร้างขึ้นจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9  ที่ทรงห่วงใยพสกนิกร นอกจากประโยชน์ในด้านเกษตรกรรมและการผลิตกระแสไฟฟ้า รวมถึงบรรเทาอุทกภัยแล้ว เขื่อนภูมิพลยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่สร้างอาชีพและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดที่สำคัญของประเทศอีกด้วย 

หลังจากเที่ยวชมบรรยากาศของเขื่อนพร้อมเก็บภาพสวยๆคู่กับรถแล้ว เราก็เดินทางเข้าที่พัก ซึ่งรถของผมไปถึงช้ากว่าเพื่อนๆประมาณ 15 นาที ตกช่วงเย็นเรารับประทานอาหารร่วมกัน ก็เป็นอันจบภารกิจในวันแรกของเรา

แต่อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่า Stephen นั่งมาด้วยกับผมและเราได้คุยกันหลายต่อหลายเรื่อง ผมเลยไม่ได้นึกถึงความรู้สึกที่ได้ขับรถคันนี้ร่วมทริป จนกระทั่งอาบน้ำและนั่งทำรูปเสร็จ พอขึ้นเตียงจะนอนจึงได้มีเวลานึกถึงมัน ซึ่งรถคันนี้เป็นรถ Porsche คันที่ 3 ที่ผมซื้อมา เป็นรถรุ่นที่ผมชอบมากที่สุด โดยก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นคลิปของต่างประเทศนำรถรุ่นนี้ขับออกทริปกัน ผมจึงใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งอยากจะขับรถรุ่นนี้ออกทริปบ้างสักครั้ง

ตอนแรกตั้งใจว่าอยากนำรถคันนี้มาร่วมทริปตั้งแต่ปีก่อน (2019)  แต่เนื่องจากรถคันนี้เพิ่งทำเสร็จเมื่อปลายปี 2018 และยังไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่นัก คิดว่าคงต้องทดสอบอีกสักพักน่าจะดีกว่า เพราะถ้านำไปขับตั้งแต่ทริปนั้น อาจจะเสียระหว่างทางจะเป็นภาระของทีมช่างและเพื่อนๆร่วมทริปมากกว่า แต่หลังจากทดสอบมาหนึ่งปี ผมคิดว่ารถคันนี้พร้อมที่จะออกทริปนี้แล้ว รวมทั้งได้เตรียมอุปกรณ์เพิ่มเติมให้กับรถคันนี้ด้วย เพราะคิดว่าเราอาจต้องขับรถกันตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ผมจึงติดตั้งสปอร์ตไลท์เพิ่มอีก 4 ดวงเตรียมไว้เลย แถมยังเตรียมยางอะไหล่ไว้บนแร็คหลังคาอีกด้วย

ในการขับวันแรกรู้สึกว่าสามารถ handle รถได้ดี แต่ปัญหาคือมีเสียงลมเข้ามาระหว่างที่ทำความเร็ว ทำให้ผมกับ Stephen ต้องคุยกันเสียงดัง (ไม่รู้ว่าที่เจ็บคอเพราะตะโกนคุยกันหรือฝุ่นจากข้างนอกกันแน่) ส่วนเบาะที่นั่งมีการเสริมให้กระชับและแน่นมากขึ้น ก็ไม่รู้ว่าคนสมัยก่อนเค้านั่งกันยังไง อีกส่วนหนึ่งไม่รู้ว่าถังน้ำมันของรถคันนี้มันเล็กหรือเครื่องยนต์มันกินน้ำมันเยอะ รู้สึกว่าผมต้องแวะเติมน้ำมันไปตลอดทางเลย

สรุปโดยรวมของวันแรกจบด้วยความรู้สึกที่ไม่ผิดหวังนะ ทั้งคนขับและผู้โดยสารรู้สึกแฮปปี้ แต่ก็แอบรู้สึกปวดหลังอยู่นิดๆ

…………………………………………..

บทความโดย พอลล์ (GTPORSCHE issue 50)

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *