หลังจากสนุกกับ 1972 911S มาหลายปี Anthony Huysser ก็จอดมันทิ้งเอาไว้ในโรงรถจนโทรมอยู่นานถึงแปดปีเต็ม ต้องขอบคุณความเก่งกาจของชาว Canford Classics ที่ช่วยฟื้นฟูมันกลับมาอยู่ในสภาพอันงดงามอีกครั้ง…
การลงมือบูรณะ 911 แบ่งงานได้เป็นสองส่วน อย่างแรกคือคุณต้องตามหารถที่จะนำมาใช้เป็นพื้นฐาน ซึ่งถ้าไม่เป็นรถที่ปล่อยจนสภาพภายนอกทรุดโทรมและเหลือความเป็น Porsche แค่เพียงชิ้นส่วนบางชิ้น ก็จะต้องเป็นรถที่ยังขับได้แต่ต้องการโอเวอร์ฮอล์แบบเต็มสูตร และการหารถคันที่ใช่ก็สำคัญพอๆ กับการฝากความหวังในการบูรณะไว้กับมือที่ใช่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่ามือนั้นจะเป็นมือของคุณเองหรือมือของผู้เชี่ยวชาญที่ได้มาตรฐานก็ตาม อย่างที่สองก็แน่นอนว่าคือกระบวนการบูรณะที่จะต้องทำอย่างพิถีพิถัน แต่ว่าเรื่องราวของ Anthony Huysser อาจจะต่างออกอยู่สักหน่อย เพราะ 911 คันที่เขาส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญใน Dorset ชื่อ Canford Classics ลงมือบูรณะนั้นเป็นรถที่เขารู้จักมักจี่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว และอันที่จริงก็คงจะพูดได้ว่า Anthony เองนั่นล่ะคือคนที่ทำให้รถในโจทย์ครั้งนี้ต้องมาเข้าคอร์สฟื้นฟูร่างตั้งแต่แรก Anthony เล่าเรื่องราวต่อจากนั้น:
“ในช่วงปี 1999 – 2000 ผมเริ่มออกตามหาความฝันของผม นั่นก็คือการหา 911S ปี 1973 สภาพดีที่ผ่านการบูรณะมาแล้ว และถึงแม้ว่าราคาของพวกมันในตอนนั้นจะถูกราวครึ่งนึงของราคาที่คุณคิดว่าสมเหตุสมผล แต่การหารถคันที่ใช่ก็ยังเป็นเรื่องท้าทายอยู่ดี เพราะมันไม่ได้มีแค่เลือกรุ่นและปีเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องสีกับสเปกอีกด้วย แต่สุดท้ายการรอคอยก็ได้ผลคุ้มค่า”
ภารกิจไล่ล่า Porsche ของ Anthony ทำให้เขาค้นหารถคันที่ใช่จากทั่วทุกมุมโลก การค้นหาของเขาสิ้นสุดลงในปี 2000 ตอนที่เขาได้มาเจอ 911S ในประเทศเบลเยี่ยมที่มีประวัติน่าสนใจ “สีน้ำเงิน Oxford Blue ที่เพิ่งพ่นใหม่ของมันดูน่าทึ่งมากจนอดใจไม่ไหว” เขากล่าว
มันถูกส่งมอบให้เจ้าของคนแรกในอิตาลีเมื่อเดือนตุลาคม 1972 และเจ้า S ก็อยู่ที่นั่นจนกระทั่งปี 1998 ก่อนที่มันจะถูกซื้อไปโดยพิพิธภัณฑ์รถของชาวดัทช์ที่มีชื่อว่า Automuseum Bergeyk และส่งมันไปที่เนเธอร์แลนด์ เรื่องน่าแปลกก็คือแค่หนึ่งปีถัดมาพิพิธภัณฑ์ก็ขาย 911 กลับออกมาแล้ว คราวนี้มันถูกขายไปให้นักสะสมชาวเบลเยี่ยมที่ได้ลงมือฟื้นฟูกับโมดิฟายรถคันนี้
“ในยุคสมัยนั้นเครื่องยนต์ของมันถูกรีบิลท์ใหม่หมดทั้งตัว เช่นเดียวกับการบูรณะสภาพตัวรถทั้งภายในและภายนอก บั้นท้ายได้รับการเปลี่ยนใส่ซุ้มล้อหลังจากรุ่น RS และมีการจัดล้อ Fuchs วงอ้วนขนาด 6×15 นิ้ว มาให้เข้าชุดกัน” Anthony เรา
นอกจากนี้ เบาะเดิมของ 911 ก็ถูกอัพเกรดเป็น Recaro เพื่อให้เข้ากับแนวคิดของการเป็นรถถนนตัวแรงที่ผ่านการโมดิฟายขั้นเบา รถคันนี้จึงตรงสเปกของ Anthony แบบสุดๆ
“หลังจากผมซื้อและพามันกลับมาที่อังกฤษ มันก็ทำให้ผมได้มีโอกาสหนีออกจากลอนดอนไปค้นหาวิวสวยๆ ในแถบชนบทของอังกฤษในตอนสุดสัปดาห์เป็นประจำ” เขากล่าว
มันคือคู่หูสุดเพอร์เฟกต์ที่จะพาคุณหนีควันพิษในเมืองใหญ่และออกไปเพลิดเพลินกับการขับรถในคลาสสิคในย่านชนบท 911S คันนี้จึงลงตัวกับสิ่งที่ Anthony ต้องการในตอนนั้น อย่างไรก็ตามชีวิตมันก็พลิกผันได้อย่างรวดเร็ว และพวกคุณก็คงพอจะเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นออก
“ช่วงกลางยุค 2000s ชีวิตสุดสัปดาห์ของผมก็แปรสภาพจากการขับรถชิลเล่นในชนทบทไปเป็นการผลักรถเข็นเด็กในสวนสาธารณะกับครอบครัวน้อยๆ ของผม” Anthony เล่าความหลัง “รถถูกจอดทิ้งไว้นานขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดมันก็ถูกล็อกตายอยู่ในโรงรถ…”
การเป็นเจ้าของ 911 คลาสสิคเป็นประสบการณ์ที่วิเศษ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไปกันได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับความต้องการของเด็กๆ และถึงมันจะฟังดูน่าหดหู่ แต่ความจริงก็คือเจ้า 2.4S ของ Anthony ถูกลดความสำคัญลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่ลูกๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเขามากขึ้น
“การจอดมันทิ้งไว้แบบนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเลย” Anthony พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ผมไม่ได้เปิดประตูโรงรถมาเช็คมันเลยจนกระทั่งปี 2017 นั่นมันตั้งเกือบแปดปีแน่ะ!”
พวกคุณที่เคยผ่านการเป็นเจ้าของรถคลาสสิคมาก่อนคงจะรู้ดีว่าพวกมันไม่ค่อยชอบการจอดทิ้งไว้เฉยๆ สักเท่าไหร่ และการทิ้งมันไว้ถึงแปดปีก็เป็นเวลาที่ยาวนานมากสำหรับ Porsche รุ่นเก่า ก็คงจะไม่ต้องอธิบายว่าการปล่อยมันไว้นานเสียขนาดนั้นจะได้ผลลัพธ์เป็นรถของ Anthony ที่สภาพไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
“หลังจากการเผชิญหน้ากันครั้งแรกที่บีบคั้นหัวใจเอาเรื่อง มันก็ชัดเจนว่าการทิ้งมันเอาไว้อย่างไม่ไยดีได้ส่งผลกระทบตามมา” Anthony ยอมรับ “มันชัดเจนมากว่ารถต้องการการบูรณะเต็มระบบแบบทุกซอกทุกมุม”
คนที่ใจไม่ใหญ่พอคงไม่มีวันยอมรับคำตำหนิที่ทำให้ Porsche อยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างนั้นได้ แต่ Anthony เป็นคนที่ใช้ปรัชญาในการมองสถานการณ์ตรงหน้า และเห็นมันโอกาสมากกว่าหายนะ นี่คือจังหวะดีที่รถจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่และการเดินทางของมันกับเขาครั้งใหม่อีกด้วย จะเรียกมันว่า “บทที่สอง” ก็แล้วกัน ซึ่งก็เริ่มต้นจากการค้นหาอู่เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในการบูรณะ 911S กรณีของ Anthony พิเศษกว่าปกติตรงที่เขาไม่ต้องไหว้วานให้อู่เป็นคนวิ่งหารถที่จะนำมาใช้ตั้งต้นให้ เพราะเขามีรถอยู่แล้ว และเขาก็รู้ประวัติมันอย่างดีด้วย
“หลังไล่อ่านฟอรัม Porsche คลาสสิคออนไลน์จนแทบครบทุกอันแล้ว ผมก็กลั่นรายชื่ออู่เชี่ยวชาญในการบูรณะ 911 คลาสสิคที่ออกมาจำนวนนึง ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ติดต่อไปหา Alan Drayson ที่ Canford Classics” Anthony อธิบาย “ดูจากข้อมูลแล้วรายนี้ลงตัวที่สุด ทั้งจำนวนคนอ้างอิงและคำแนะนำจากฟอรัมบนโลกออนไลน์ทั้งหลายเป็นไปในทางที่ดีเหมือนกันหมด แต่สุดท้ายก็เป็นเรื่องความหลงใหลและมืออาชีพของ Alan กับทีมที่มัดใจผมให้เลือกเดินหน้ากับทีมของ Canford Classics:
แต่ Canford Classics ไม่ใช่คนแปลกหน้าในหน้าหนังสือของเราแน่ และอันที่จริงช่วงหลายปีหลังมานี้ผู้เชี่ยวชาญประจำฟอรัม Blandford ก็มาปรากฏตัวอยู่ในนิตยสารของเราเป็นประจำผ่านผลงาน Porsche ที่บูรณะมาอย่างมืออาชีพ Alan กับทีมที่ Canford Classics มีกึ๋นในการสร้าง 911 บูรณะที่ทำให้ทุกคนต้องอ้าปากค้าง ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงการปรับกลับเป็นสภาพเดิมจากโรงงานหรือจัดสเปกโมดิฟายเพิ่มเติม ผลลัพธ์ก็คือชื่อของบริษัทได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของคุณภาพแบบไร้ที่ติในแวดวงชาว Porsche โดยทั่วไปแล้วเจ้าของรถจะขอให้ทีมงานช่วยหารถตั้งต้นที่ให้ แต่จากกรณีของ Alan คุณก็คงเห็นแล้วว่าพวกเขาก็ยินดีที่จะลงมือทำกระบวนการฟื้นฟูบน Porsche ที่เจ้าของหามาเองหรือเป็นเจ้าของอยู่แล้วด้วย แต่ละตัวเลือกต่างก็มีข้อดีและข้อเสียกันไปคนละแบบ แต่ในกรณีของการบูรณะสภาพเต็มระบบกันตั้งแต่ศูนย์แบบนี้ จะเป็นแบบไหนมันก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกันขอแค่มีเวลากับเงินอีกกระตักนึงก็พอ
วิธีการส่วนนึงของ Canford Classics ที่เราได้ยินมาว่าขึ้นชื่อลือชาก็คือ การที่พวกเขาให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในกระบวนการบูรณะรถของตัวเองด้วย และเรื่องนี้กรณีของ Anthony ก็เป็นตัวอย่างที่ดีเลยทีเดียว
“การทำงานกับ Alan และทีมเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมาก ผมขอพวกเขาให้ผมเป็นส่วนนึงของขั้นตอนตั้งแต่แรก แล้วก็ขอให้พวกเขาพูดคุยกับผมอย่างใกล้ชิดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้” เขายิ้ม “ไม่ใช่แค่ Whatsapp ผมจะถูกถล่มด้วยรูปการบูรณะในแต่ละขั้นตอนที่ส่งมาอัพเดทเท่านั้น แต่ผมยังได้รับคำเชิญให้ไปช่วยหรือร่วมกับพวกเขาในต่างกรรมต่างวาระตลอดการเดินทางในการบูรณะครั้งนี้ด้วย”
การอัพเดทให้เจ้าของรู้ความคืบหน้าของการฟื้นคืนชีพรถของพวกเขาอาจจะฟังดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่อู่หลายแหล่งก็มองข้ามประโยชน์จากการทำแบบนี้ไป อย่างไรก็ตาม การส่งรูปและข้อมูลอัพเดทไปให้ลูกค้ามันก็เรื่องนึง แต่ Canford Classics ได้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการชวนเจ้าของมานั่งทำรถของพวกเขาในอู่ไปด้วยกันเลย (ถ้าเจ้าของอยากทำ) ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนเราก็คิดว่ามันเป็นวิธีที่ชาญฉลาดมาก แต่มีอยู่สักสองอย่างที่เราเห็นว่าทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน ในมุมของอู่มันก็ทำให้เจ้าของรถได้เห็นว่ากระบวนการบูรณะรถยนต์หนึ่งคันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง รวมถึงได้เห็นความทุ่มเทและความมืออาชีพที่ทีมงานใส่ลงไป สุดท้ายก็กลายเป็นความรู้สึกชื่นชมแรงงานและเวลาที่พวกเขาใช้ไปกับการแปลงโฉมรถ มันยังทำให้เจ้าของรถเข้าใจมากขึ้นด้วยว่าเม็ดเงินที่ใส่ลงไปนั้นไหลไปที่ตรงไหนบ้าง และเพิ่มความโปร่งใสให้กับอู่เวลาที่ต้องออกบิลเรียกเก็บค่าแรงจำนวนหลายชั่วโมงด้วย การส่งรถไปบูรณะไม่ใช่เรื่องราคาถูกอยู่แล้ว แต่การที่เจ้าของได้เห็นว่าเวลา (และเงิน) ของพวกเขาหมดไปกับจุดไหนบ้างก็จะทำให้พวกเขาเข้าอกเข้าใจมากขึ้น นอกจากนี้ การได้ลงไปมือเปื้อนทำรถของพวกเขาเองก็ยิ่งจะทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับรถแนบแน่นขึ้น และทำให้คุณรู้สึกเป็นส่วนนึงของการปรับปรุงในครั้งนั้น ซึ่งแน่นอนว่าคุณจะรู้สึกชื่นชมผลงานที่เสร็จสมบูรณ์มากกว่าเดิมและเข้าใจกระบวนการแปลงโฉมรถมากขึ้นด้วย แถมยังใช้เป็นเครื่องไม้เครื่องมือติดตัวเอาไว้รับมือกับสาวกรถคลาสสิคสายรถสำเร็จรูปที่มาตอแยคุณในลานจอดรถหน้าผับได้ด้วย! การแวะไปที่ Dorset ของ Anthony ทำให้เขาได้ช่วยหลายอย่าง ตั้งแต่รื้อเกียร์ 915 ของรถ พ่นสีแผงหน้าปัด ไปจนกระทั่งฟื้นฟูสภาพเลนส์ไฟเลี้ยวให้ 911 แต่ด้วยความเป็นคนนิสัยดี Anthony จึงยอมรับว่า เขารู้ดีว่านี่มันอาจจะทำให้งานทั้งหมดเสร็จช้าลง และทำให้ทีมผู้เชี่ยวชาญของ Canford Classics ต้องยั้งมือเพื่อรอลูกค้าอย่างผมฝึกปรือฝีมือจนทำงานได้เร็วใกล้เคียงกับพวกเขา แต่ Anthony ก็สนุกกับประสบการณ์ทั้งหมดนี่มาก และเราก็เชื่อมั่นว่าถ้าเราเป็น Anthony เราก็คงจะรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน
“ผมจินตนาการได้แต่ว่าการให้ลูกค้ามีส่วนร่วมนั้น นอกจากเป็นเรื่องที่น่าทำและได้ผลตอบรับอย่างดีแล้ว มันอาจจะได้ประโยชน์น้อยกว่าที่ผมนึกออกในตอนนั้นก็ได้!” Anthony หัวเราะ “สำหรับผมแล้ว ยังไงซะการได้ลงไปคลุกคลีและช่วยเหลือในกระบวนการบูรณะ แม้ว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงทำงานก็ตาม กลับเป็นสิ่งที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งอื่น”
ระยะเวลาของการบูรณะจะขึ้นอยู่กับสภาพรถตั้งต้นเป็นหลัก แต่โดยปกติแล้วจะประมาณหนึ่งปีหรือมากกว่านั้น เพราะฉะนั้นการที่ได้รับอัพเดทเรื่องความคืบหน้าของรถเป็นประจำ (อย่างที่คุณเห็นอยู่นี้) ย่อมมีค่าในสายตาลูกค้าแน่นอน ผลลัพธ์เป็นไงน่ะเหรอครับ? ก็ตามแบบฉบับของผลงานจาก Canford Classic ที่โดดเด่นเช่นเคย 911 ของ Anthony ฟื้นคืนชีพใหม่ทุกสัดส่วนจริงๆ
“ผลิตผลสุดท้ายเป็นอะไรที่ประเสริฐมาก ความใส่ใจในทุกรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์กลไกหรือความสวยงามนั้นอยู่ในระดับน่าทึ่ง ความทุ่มเทอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของทีม Canford Classics สำหรับทุกรายละเอียดในการบูรณะเพื่อที่จะทำให้ได้ตามมาตรฐานนั้น ทำให้ผมสงสัยว่าพวกเขาจะยอมให้ผมได้ขับมันกลับบ้านสักครั้งนึงไหม!”
ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แต่จากประสบการณ์ที่เขากับรถมีร่วมกัน Anthony คงไม่อยากจะอยู่ห่างจาก 911 อีกแล้ว เราคิดว่าโอกาสที่จะเป็นอย่างนั้นมีอยู่แค่เพียงริบหรี่หลังจากรถเพิ่งจะเกิดใหม่อีกครั้งด้วยฝีมือของอู่เชี่ยวชาญระดับ Canford Classics 911 คลาสสิคส่วนใหญ่ในทุกวันนี้มักจะถูกซื้อมาบูรณะโดยที่ไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่างชีวิตของมันในอดีตกับเจ้าของคนใหม่ หรือไม่ก็เป็นการซื้อมาฟื้นฟูสภาพเพื่อฟันกำไรเท่านั้น แต่ความสัมพันธ์ของ Anthony กับรถคันนี้มันต่างออกไปและนั่นก็คือสิ่งที่ดีกว่า รถคันนี้เป็นส่วนนึงของชีวิตเขามาอย่างยาวนาน แม้ว่าโลกของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างมากมายนับจากวันที่เขาซื้อมันมา ถึงแม้เขาจะโทษตัวเองที่เคยทิ้งรถให้จอดจนสภาพอิดโรยอยู่ในโรงรถเป็นเวลานาน แต่สิ่งที่เขาลงมือทำให้กับมันในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ก็ชดเชยมันได้อย่างสาสม รางวัลของเขาก็คือ 911 คลาสสิคที่สามารถขับใช้งานได้ทุกวัน และแชร์ลำดับความสำคัญ รายละเอียดในชีวิต และสายสัมพันธ์กับเขา และในตอนนี้ที่ลูกของเขาโตขึ้นสักหน่อยนึงแล้ว เขาก็มีเวลาที่จะกลับไปสนุกกับรถอีกครั้งเหมือนกับครั้งกระนั้นเมื่อหลายปีมาแล้ว
“หลังจากการบูรณะแบบเต็มระบบครั้งนี้ รถออกมาขับดีกว่าที่ผมหวังเอาไว้ซะอีก ลูกสาวสามคนของผมยังหลงเชื่อเลยว่านี่มันคือรถใหม่กิ๊ก” Anthony บอก “มันเป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยม และรถคันนี้ก็จะถูกเอาออกมาขับเล่นในชนบทอีกครั้งอย่างแน่นอน…”
–
บทความโดย Simon Jackson
นิตยสาร GTPORSCHE ฉบับที่ 44
Leave a Reply