992 First Drive : Drive Time

นี่คือช่วงเวลาแห่งความจริง เราขึ้นมาอยู่หลังพวงมาลัยของ Porsche 992 รุ่นใหม่ที่ Hockenheimring เพื่อจะลองให้รู้ว่า 911 เจนเนอเรชันที่แปดจะขับดีเหมือนเหล่าบรรพบุรุษชื่อดังของมันไหม

ผมคิดว่าผมน่าจะทำให้คุณคล้อยตามไปด้วยได้ ถ้าผมจะบอกว่าการที่ต้องมารับผิดชอบโครงการ Porsche 911 รุ่นใหม่ เป็นงานที่ทั้งเยี่ยมและแย่ที่สุดในเวลาเดียวกันของคนในอาชีพสายยานยนต์ ถ้าทำมันถูกต้องคุณก็จะได้รับการสรรเสริญจากเพื่อนร่วมงาน และหน่วยงานสื่อสารองค์กรก็จะเปลี่ยนชื่อเล่นคุณให้เป็น ‘Mr.911’ แต่ถ้าทำพลาด ชื่อคุณก็จะถูกจำไปตลอดเหมือนกัน แต่ด้วยเหตุผลที่ไม่เหมือนกันน่ะ

ดังนั้น มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรที่ Mr.911 คนปัจจุบัน หรือ August Achleitner จะเลือกทำ 911 รุ่นใหม่ออกมาตามแบบแผนดั้งเดิม เขาคือคนที่พลิกโฉม 996 ที่กระท่อนกระแท่นออกมาเป็น 997 ที่ยอดเยี่ยม และยังรับผิดชอบโครงการรถสปอร์ตยิ่งใหญ่ของโลกรุ่นนี้มาตั้งแต่ขึ้นศตวรรษใหม่มาได้ไม่กี่ปี แต่ตอนนี้เขากำลังจะเกษียณ และ 911 รหัสอนุกรม 992 รุ่นนี้ก็จะเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะชิ้นสุดท้ายจากเขา แล้วใครจะอยากมาเปลี่ยนสูตรตอนนี้กันล่ะ? โดยเฉพาะเมื่อเขากำหนดโชคชะตาของรถสปอร์ตชื่อดังรุ่นนี้ให้เรืองรองมาได้อยู่ตั้งนานสองนาน คำตอบก็คือเขาเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า 992 จะเป็นเครื่องจักรที่ไม่ได้พลิกโฉมไปจากบรรพบุรุษ 991 ของมัน เพราะอันที่จริงแล้วมันต่างมากกว่าที่ตัวถังภายนอกหน้าตาใกล้เคียงเดิมของมันอาจจะทำให้คุณคิด

เรารู้ข้อมูลมันมากพอสมควรแล้ว เรารู้ว่ามันใช้แพลตฟอร์มใหม่ซึ่งกว้างและยาวกว่าเดิม ใช้เกียร์แปดจังหวะ ภายในออกแบบใหม่หมด ช่วงล่าง เบรก และสถาปัตยกรรมอิเลกทรอนิกส์ใหม่ทำงานประกอบกันจนทำให้มันมีโหมดการขับบนพื้นเปียก (Wet) เป็นครั้งแรกของโลกได้ และเป็นในแบบที่คนขับไม่ต้องกดเลือกเอาไว้ก่อนล่วงหน้าด้วย แต่มีคำถามสำคัญอย่างนึงที่ยังคงไม่ได้รับคำตอบ และในเมื่อต้นเรื่องของเราในวันนี้คือ 911 คำถามที่ว่าจึงสำคัญกว่าเรื่องอื่นทุกเรื่อง ซึ่งก็คือมันขับเป็นไงบ้าง?”

เรื่องนี้ผมอยู่ในฐานะที่ช่วยตอบคุณได้พอดี เพราะผมไปหวด 992 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสถานการณ์จะเอื้ออำนวยมาแล้ว และเป็นในสภาวะที่สามารถจับผิดข้อบกพร่องของแชสซีส์ได้ดีอีกด้วย

Hockenheim ฝนตกในวันที่ผมไปขับ 911 รุ่นใหม่ อันที่จริงมันแย่กว่านั้นอีกด้วยซ้ำ เพราะก่อนหน้านี้มันเพิ่งจะเปียกโชกไปแบบสุดๆ และตอนนี้ก็เริ่มแห้งบางจุดแล้ว เพราะฉะนั้นมันจึงขึ้นกับว่าคุณกำลังขับอยู่ที่ส่วนไหนของสนาม เพราะสภาพถนนจะเปลี่ยนไปมาระหว่างแห้งผากกับน้ำท่วม โดยมีถนนชื้นๆ กับน้ำขังทุกระดับคั่นอยู่ระหว่างกลาง พูดอีกอย่างก็คือฝันร้ายดีๆ นี่แหละ แต่มันเพอร์เฟกต์สำหรับการทดสอบที่คุณไม่สามารถจินตนาการได้มาก่อน โดยเฉพาะเมื่อมีรถหน้าตาเหมือนกันสองคันจอดรออยู่ ซึ่งคันนึงมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแต่อีกคันไม่มี

ทั้งคู่เป็นรุ่น Carrera S PDK เพราะตอนนี้ Porsche ยังเปิดตัวออกมาแค่นี้ Carrera รุ่นปกติ รุ่นเกียร์ธรรมดา และรุ่นตัวถังกับเครื่องยนต์แบบอื่นๆ จะตามมาในไม่ช้า

เมื่อเข้ามาอยู่ข้างใน คุณยังรับรู้ได้ว่ามันคือ 911 ตั้งแต่ยังไม่ทันออกรถ แม้ว่าจะมันใช้ภายในแบบใหม่ก็เถอะ ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าหน้าจอ TFT ที่เหมือนหลุดมาจากยุคอวกาศนั่น มันเข้ากันกับคันเกียร์อ้วนตันและมาตรวัดรอบแบบเข็มที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุค 1960s หรือไม่ ดูเหมือน Porsche เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าหน้าตาภายในของรถทุกรุ่นนั้นเหมือนกันจนเกินไปหน่อยแล้ว และทำให้ตัวตนของ 911 เริ่มจางหาย พวกเขาก็เลยจับเข็มวัดรอบใส่กลับเข้ามาในห้องโดยสารที่ควรจะเป็นดีไซน์แบบ Post-modern แต่ตำแหน่งการขับยังคงเป็น 911 อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง คุณนั่งอยู่ต่ำและรู้สึกคุ้นเคยกันดีกับอุปกรณ์รอบตัว ทั้งพวงมาลัย แป้นเหยียบ กระจกหน้า และแผงคอนโซลที่ภาพรวมไม่มีอะไรเปลี่ยน มันอาจจะใส่เสื้อผ้าใหม่มาแต่คุณก็รู้อยู่ดีว่ามันก็ 911 นั่นแหละ

คุณจะรู้สึกแบบนั้นอีกครั้งเมื่อเครื่องหกสูบนอนติดขึ้นมา ชิ้นส่วนภายในเครื่องเป็นของเดิม แต่อุปกรณ์รอบตัวเครื่องนั้นถูกเปลี่ยนใหม่หมด รวมถึงเทอร์โบที่อัพขนาดใหญ่ขึ้นจนได้แรงม้าออกมา 444 ตัว ซึ่งนั่นก็แปลว่ามันมีแรงม้าน้อยกว่า GT3 ที่ออกมาราวสี่ปีก่อนแค่ 25 ตัวเท่านั้น แต่แรงบิดเยอะกว่ามาก

ผมขับออกไปด้วยความเร็วไม่มาก เครื่องยนต์ดูจะทำงานได้ลื่นไหลกว่ารุ่นเดิม ผมคิดว่าคงจะต้องยกคุณงามความดีให้ความแกร่งของแพลตฟอร์มใหม่ที่รถคันนี้ใช้เป็นพื้นฐาน เกียร์ใหม่ซึ่งเพิ่มจำนวนเข้าไปทำให้สามารถขยับขยายอัตราทดให้ครอบคลุมได้มากกว่าเดิม เกียร์ต่ำทดได้ชิดกันมากขึ้น ส่วนเกียร์สูงก็ได้อัตราทดที่ลึกเข้าไปในโซน Overdrive มากกว่าเก่า การเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้งแทบไม่มีอะไรให้สังเกตุนอกจากเข็มวัดรอบที่เปลี่ยนตำแหน่งบนมาตรวัด ช่วงล่างยังพูดอะไรได้ไม่มากแม้ว่าผมจะลองพามันออกไปวิ่งบนถนน Service รอบสนาม Hockenheim แล้วก็ตาม แต่ตัวรถรู้สึกเฟิร์มและซับแรงสะเทือนได้ดีทีเดียว ผมยังหวังด้วยว่ามันจะเงียบกว่า 991 ที่ความเร็วเดินทางอีก

แต่นั่นไม่น่าจะใช่สิ่งที่พวกคุณอยากรู้ มาครับออกไปสนามด้วยกันกับผมใน Carrera S ที่สร้างขึ้นมาตามกฎธรรมชาติด้วยเพลาหลังที่ต่อไปหาล้อคู่หลังเท่านั้น

เราขับออกไปรอบแรกโดยที่ระบบอิเลกทรอนิกส์ต่างๆ ยังถูกเปิดไว้ และเรียกแรงออกมาใช้ประมาณ 2/3 ซึ่งน่าจะเป็นระดับเดียวกับที่คุณขับบนถนนสาธารณะเร็วๆ โดยที่ยังปลอดภัย สำหรับผมแล้วถ้า 991 จะมีจุดให้ติก็คงจะเป็นเรื่องที่มันต้องขับอย่างหนักหน่วงมากกว่านี้ ก่อนที่รถจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาและคนขับรู้สึกได้รับการตอบแทนแบบที่ควรจะได้จากการขับ 911 แต่ด้วยพวงมาลัยที่ทดมาไวขึ้น ล้อหลังปรับมุมองศาเลี้ยวได้ (เป็นออพชัน) และฐานล้อกว้างขึ้น 992 ให้ความรู้สึกคมกว่ารุ่นพี่ของมันตั้งแต่ใช้ความเร็วเท่านี้ มันสาน Apex ในโค้งนี้เข้ากับ Apex โค้งหน้าได้อย่างสวยงาม Porsche เลือกไม่ทำพวงมาลัยให้ไวกว่านี้ในจังหวะเริ่มเลี้ยว และปล่อยให้สัมผัสของมันไปเป็นตามแรงที่ส่งขึ้นมาจากอาการของรถจริงๆ กับระยะฐานล้อที่สั้นของมัน

เครื่องมีเรี่ยวแรงมโหฬารชนิดที่ทำให้คุณต้องหยุดคิดพักนึงว่า ตอนที่ 911 ใหม่ออกมาขายครบทุกรุ่นแล้ว มันก็จะมีรุ่นที่เรี่ยวแรงน้อยกว่านี้แค่รุ่นเดียวเองนะ เพราะแน่นอนว่า GTS, Turbo, Turbo S, GT3 และรุ่นอื่นๆ นั้นจะแรงกว่านี้ Porsche บอกว่ารถรุ่นนี้เร่งถึง 62 ไมล์/ชั่วโมง ได้ภายใน 3.5 วินาที ถ้าใส่ออพชันแพ็คเกจ Sport Chrono และให้ความรู้สึกว่าได้ความเร็วแบบนั้นมาง่ายๆ วันนี้แม้แต่ Carrera S รุ่นมาตรฐานซึ่งควรจะเป็นรถที่เน้นการขับทุกวัน และมีตำแหน่งเกือบล่างสุดในตระกูล ก็เป็นเครื่องจักรตัวแรงที่เกรี้ยวกราดไปเสียแล้ว

ผมไม่ได้มาที่สนามนี้พักใหญ่ เลยต้องขอซ้อมให้คุ้นมือก่อนสัก 2-3 รอบ แต่ไม่นานหลังจากที่เราบิดติ่งสวิทช์กลมๆ บนพวงมาลัยไปที่โหมด Sport Plus ปรับระบบช่วยเหลือต่างๆ ให้ลดบทบาทลง และเริ่มเล่นสนุกกับมัน บุคลิกของรถก็ดูจะเปลี่ยนไปแค่เล็กน้อยแต่ความรู้สึกมาเต็มอย่างชัดเจน คุณจะสังเกตุว่าเกียร์เปลี่ยนฉึบฉับขึ้นก่อนเป็นอย่างแรก และมันรู้สึกว่าแทบไม่ต่างจาก GT3 RS

ที่นี่มีโค้งยาวๆ ที่คุณจะต้องผ่านไปพร้อมกับการเติมคันเร่ง ซึ่งเหมาะกับการจับผิดข้อบกพร่องที่ซ่อนอยู่ในแชสซีส์ โดยเฉพาะในวันที่พื้นสนามมีทั้งเปียกและแห้งสลับกันแบบนี้ แต่มันก็ไม่มีสัญญาณของการพยศใดๆ ออกมาให้เห็น คุณสามารถใช้แรงเกาะจากน้ำหนักเครื่องยนต์ด้านหลังที่กดท้ายได้หมดเปลือกโดยไม่ต้องระแวงว่ามันจะแว้งกัด สิ่งที่คุณจะสังเกตได้อีกอย่างก็คืออาการอันเดอร์สเตียร์ในจังหวะเริ่มเลี้ยวของ 991 ที่หายไปเยอะมาก 992 ให้ความรู้สึกเป็นกลาง และประคองรถไปตามไลน์กับเข้าหา apex ได้ง่ายกว่า บางทีนั่นอาจเป็นเพราะระบบอิเลกทรอนิกส์มันฉลาดขึ้นมากๆ รถหลายรุ่นในสมัยนี้พึ่งพาระบบควบคุมการทรงตัวทั้งหลายเพื่อทำให้มันขับง่ายสำหรับคนขับส่วนใหญ่ และคุณจะรู้จักนิสัยใจคอที่แท้จริงของมันได้ก็ต่อเมื่อปิดระบบทั้งหมดนั่นทิ้งไปเท่านั้น

แต่ 992 ไม่ใช่แบบนั้น มันไม่ใช่รถที่คุณต้องงัดทุกกลยุทธ์ออกมาเพื่อป้องกันคุณจากฝีมือของคุณเอง ถ้าคุณหาโอกาสไปอยู่หลังพวงมาลัย 992 Carrera S ในสนามแข่งได้ ผมเชิญชวนให้คุณขับมันแบบที่ปราศจากพันธนาการจากระบบช่วยเหลืออิเลกทรอนิกส์ทั้งหลายแหล่ แต่บอกไว้ก่อนว่าผมจะไม่ช่วยจ่ายค่าซ่อมถ้าฝีมือคุณก็หมดกลางคันหรอกนะครับ ในสถานการณ์ที่ต้องใช้ฝีมือสุดๆ 992 ก็ยังทำให้คุณรู้สึกมั่นใจได้ ซึ่งมีรถแค่ 2-3 คัน ที่เคยผ่านมือผมมาเท่านั้นที่ให้ความรู้สึกแบบนี้ แม้ว่าเครื่องของมันจะยังคงอยู่ผิดที่ผิดทางก็ตาม

อันที่จริงร่องรอยอารยะธรรมแบบ 911 ยุคเก่าอย่างเดียวที่ผมพบก็คือตอนที่ผมเบรกมันอย่างหนักในจังหวะที่มีน้ำเจิ่งนองอยู่บนผิวแทร็คเท่านั้น ล้อหน้าไถลออกไปครู่นึง ABS ส่งเสียงทำงานขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคิดสรตะจนได้ข้อสรุปว่าเรากำลังมีปัญหาแล้วใช่ไหม รถก็ผ่านพ้นอุปสรรคพวกนั้นไปได้หมดและวิ่งต่อไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว

เวลาขับมันบนขีดจำกัด ผมชอบที่สามารถสั่งท้ายรถให้ทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการเป๊ะๆ คุณจะเลือกใช้แรงเกาะมหาศาลเพื่อพาคุณทะยานออกจากโค้งไปอย่างเร็วจี๋ คุณจะเลือกสไลด์ท้ายออกนิดๆ และแก้พวงมาลัยแค่เล็กน้อยเท่านั้นเพื่อตั้งลำรถให้ตรงพร้อมพุ่งออกจากโค้ง หรือคุณจะเป็นคนบ้าโชว์ฝีมือการดริฟท์จนยางหลังหมดก็ได้

แต่ Carrera 4S ไม่เหมือนแบบนี้ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอีกนั่นแหละ มันแบกน้ำหนักมากกว่าอยู่ 50 กิโลกรัม แต่เรื่องน่าแปลกก็คือผมยังรู้สึกมันได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ในเรื่องอัตราเร่งเพราะมันต่างกันแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น แต่เป็นอาการของตัวรถที่ไม่ค่อยพลิ้วไปตามมือและตอบสนองได้ไวเท่า แต่คุณจะไม่สามารถจับอาการพวกนี้ได้เลย ถ้าไม่ได้เพิ่งกระโดดลงจากอีกคันนึงแล้วขึ้นมาขับมันในทันที

เรื่องของเรื่องก็คือนิสัยในโค้งที่กลายเป็นคนละเรื่องเมื่อคุณปิดสวิทช์ระบบช่วยเหลืออิเลกทรอนิกส์ที่อำพรางสัญชาติญาณดิบของมันเอาไว้ แรงเกาะนั้นมากขึ้นแน่เพราะมีการกระจายกำลังไปหาล้อทั้งสี่ข้าง แต่ก็ไม่มี 911 คันไหนที่ขาดแคลนแรงยึดเกาะอยู่แล้ว ผมจะเรียกมันว่าผลพลอยได้ก็แล้วกัน ความแตกต่างหลักๆ ซึ่งก็คงไม่น่าจะทำให้แปลกใจอะไรอีกก็คือ 4S จะพยายามตั้งลำตัวมันให้ตรงอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากจะสไลด์มันแม้จะแค่นิดเดียว คุณก็จะต้องบังคับให้มันทำให้ในสิ่งที่มันไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ บนพื้นเปียกคุณสามารถใช้การถอนคันเร่งแล้วกระทืบซ้ำลงไปอย่างแรงได้ แต่ไม่เหมือนกับ Carrera S ที่ทำท่าอยากเล่นออกมาชัดเจน เพราะคุณจะไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่า 4S จะแค่สะบัดบั้นท้ายของมันดิ้นไปมาหรือจะขวางลำเอาด้านข้างวิ่งกันแน่ มันเหมือนกับการที่คุณเอาไม้ไปแหย่เสือดาวที่กำลังนอนหลับพริ้ม ซึ่งก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะหลับต่อ คำรามใส่คุณ หรือลุกขึ้นมาฉีกหัวคุณให้หลุดจากบ่ากันแน่

แต่สุดท้ายแล้วนั่นก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย เพราะผมเชื่อว่าคงมีเจ้าของ 4S ไม่กี่คนที่จะขับแบบนี้ แต่สำหรับผมมันคือการทดสอบเพื่อให้เห็นพื้นฐานความแตกต่างของอุปนิสัยรถทั้งสองรุ่นที่หน้าตาเหมือนกัน ซึ่งคราวนี้ก็ยังเหมือนกับทุกครั้ง เพราะคำแนะนำของผมก็คือการเลือกความสนุกซึ่งสามารถประหยัดเงินได้ทั้งตอนซื้อและตอนซ่อมด้วย Carrera S เว้นแต่ว่าคุณจะมีเหตุผลส่วนตัวที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ เช่นบ้านคุณตั้งอยู่กลางทะเลสาบที่แข็งเป็นน้ำแข็งอะไรแบบนั้น

แต่ภาพใหญ่ก็คือไม่ว่าคุณจะซื้อ 992 รุ่นไหน คุณก็จะแน่ใจได้ว่าภายใต้ตัวถังหน้าตาหล่อเหลาและเบื้องหลังจอทัชสกรีนทันสมัยพวกนั้น หัวใจอันถ่องแท้ของ 911 จะยังคงเต้นกังวาลอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ผมยินดีที่มันเร็วขึ้น เงียบขึ้น และใช้การในชีวิตประจำวันได้ดีกว่าที่เคย แต่ผมดีใจยิ่งกว่าที่มันเป็นรถสำหรับนักขับมากขึ้นกว่า 991 อันที่จริงผมไม่คิดว่ามีรถคันไหนที่คุณสามารถใช้เงินจำนวนเท่านี้ และสามารถขับได้ทุกวัน จะให้ประสบการณ์ขับได้ดีและทำให้คุณมีส่วนร่วมกับรถได้มากเท่ากับมันแล้ว นั่นคือสิ่งที่ 911 เป็นมาโดยตลอดตั้งแต่วันแรกที่มันเกิด และมันก็น่ายินดีที่ 56 ปีหลังจากนั้น เอกลักษณ์ความเป็นเสน่ห์ชิ้นนี้จะยังคงสว่างจ้าเหมือนกับที่ผ่านมา

GTPORSCHE issue 45

Translated by: Thanapol Ratanaboon
Story: Andrew Frankel

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *