GT ‘Clubsport’ : Club Class

ชีวิตที่แล้วของมันเคยเป็นรถสนาม แต่ 928 GT คันนี้ถูกเจ้าของคนปัจจุบันนำกลับมาทำใหม่เพื่อรำลึกถึงต่อ 928 Clubsport ของ Derek Bell…

เสียงจะกระตุ้นความสนใจคุณเป็นอย่างแรก แต่เนื่องจากเรากำลังพูดถึงเสียงคำรามจากเครื่อง V8 5.0 ลิตร ที่กำลังพ่นไอเสียของมันผ่านท่อแบบครอสไพพ์ยิงตรงไปที่ท้ายรถ มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสักเท่าไหร่ กระนั้นเสียงมันก็ยังยอดเยี่ยมมากอยู่ดี แถมยังผิดคาดอยู่สักเล็กน้อยด้วย เพราะมันฟังดูมีอารยะ ซับซ้อน และครางอยู่ในลำคอมากกว่าที่คิด ในขณะที่แรงกระเพื่อมจากเบสกลับน้อยกว่าคาด เสียงอันน่าดื่มด่ำของมันจะดังหนาหูขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับรอบเครื่องยนต์ที่กวาดสูงขึ้น ซึ่งจะเชื้อเชิญให้คุณคาเกียร์อะไรก็ตามที่ใส่เอาไปล่าสุดให้นานที่สุด เพื่อจะได้ฟังเสียงมากมิติจากด้านหน้าหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเสียงคำรามแบบมีอารยะที่ดังระงมเลยไหล่คุณไปด้านหลัง ไม่เลวสำหรับเครื่องสแตนดาร์ดแต่ 928 ก็เป็นรถที่ซับซ้อนมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ผมมั่นใจว่าคนอ่านนิตยสารของเราส่วนใหญ่รู้ที่มาที่ไปของ 928 เป็นอย่างดี มันกำเนิดขึ้นในฐานะทายาทที่จะมาสืบทอดตำนาน 911 ซึ่งในตอนนั้น (ควรจะ) ถูกรีดศักยภาพออกมาจนถึงหยดสุดท้ายแล้ว และยอดขายก็กำลังปักหัวทิ่มลงอย่างน่าใจหาย แต่เราก็รู้อยู่แก่ใจว่าละครเรื่องนี้มันจบลงอย่างไร

แต่ 928 ก็ยังหาพื้นที่ยืนของมันในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของ Porsche ได้สำเร็จในฐานะรถสปอร์ต GT ที่ซับซ้อน มันเป็นรถรุ่นแรกในรูปแบบตัวถังนี้และจะเรียกว่ารุ่นเดียวเลยก็ยังได้ถ้าคุณจัด Panamera ไว้ในกลุ่มสปอร์ตซาลูนผู้บริหารเหมือนผม แม้ว่ายอดขายของมันจะไม่เคยเข้าเป้าบอร์ดของ Porsche (ซึ่งเป็นอีกหลักฐานนึงที่บอกว่ามันไม่สามารถแทนที่ 911 ได้) แต่ 928 ก็ขายออกไปได้กว่า 61,000 คัน ในช่วง 18 ปีที่ทำตลาด

ประสบการณ์ส่วนตัวของผมกับ 928 ในช่วงก่อนปี 2018 ไม่ค่อยจะน่าประทับใจเท่าไหร่ ความทรงจำของผมกับรถรุ่น 4.5 ลิตร ซึ่งเดาว่าสภาพของมันคงจะไม่ใหม่กิ๊ก คือรถที่อุ้ยอ้ายและเฉื่อยชาด้วยม้า 237 ตัว ที่ต้องแบกตัวถังหนัก 1,450 กิโลกรัม ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 3 จังหวะ มันจึงเป็นรถประเภท GT Cruiser ที่มีตำแหน่งการนั่งขับที่ยอดเยี่ยมและแสนสบาย แต่ไม่ได้มีความเป็นสปอร์ตอะไรเท่าไหร่ และสำหรับผมที่ความสนใจใน 928 เกิดจากภาพ GTS เกียร์ธรรมดาสีแดงหน้าตาสวยที่กำลังโอเวอร์สเตียร์นิดๆ บนหน้าหนังสือ Autocar ในตอนต้นยุค 90s ผมจึงรู้ดีว่า 928 ตัวจริงที่ผมอยากลองนั้นมันต้องไม่ใช่แบบนี้

นั่นพาผมกลับมาที่ 1990 928 GT คันงามที่อยู่ตรงหน้าคุณในคอลัมน์นี้ มันอาจจะไม่ได้มีเครื่อง 5.4 ลิตร V8 ของ GTS แต่ในความเป็นจริงแล้วเครื่อง 5.0 ลิตร V8 326 แรงม้า ในรุ่น GT ก็มีแรงม้าหย่อนไปแค่ 20 ตัว เท่านั้น เมื่อเติมข้อเท็จจริงที่ว่า GT คันนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึง S4 เกียร์ธรรมดาจำนวนห้าคันที่เคยผลิตออกมาสำหรับนักแข่ง Endurance ทีมโรงงานในปี 1987 (Derek Bell, Jochen Mass, Hans Stuck, Bob Wollek และ Jackly Ickx) ซึ่งเฉือนน้ำหนักจากรถรุ่นสแตนดาร์ดทิ้งไปอีกถึงกว่า 100 กิโลกรัม กับการที่มันเป็น 928 ที่สปอร์ตและเป็นรถสำหรับนักขับมากที่สุดคันนึงแล้ว เจ้านี่ก็ดูท่าทางจะถูกจริตกว่าเยอะ

เจ้าของมันมีชื่อว่า Jonathan Stevenson เขาได้ 928 คันนี้มาในเดือนกันยายน 2017 ซึ่งในตอนนั้นก็ประหลาดพอดู เพราะมันถูกเซ็ทเอาไว้เป็นรถสนาม ภายในที่ถูกรื้อทิ้งจนเกลี้ยง เบาะบักเก็ทซีทสำหรับแข่ง สติ๊กเกอร์ตัวอักษร GTRS บนสีข้าง เบรกกับช่วงล่างอัพเกรด และโปรแกรมลดน้ำหนักอย่างเป็นเรื่องเป็นราวคือสิ่งที่บ่งบอกว่ามันคือ 928 ที่เน้นสมรรถนะในสนามแข่งอย่างชัดเจน แต่ Jonathan เองก็ถวิลหารถชนิดน้อยคันแบบที่เคยถูกสร้างขึ้นมาให้ Derek Bell กับผองเพื่อนใช้แข่งอยู่แล้ว มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่เลิศไปเลย

ถ้าคุณไม่เคยได้ยินเรื่องราวของ 928 รุ่นพิเศษที่สร้างขึ้นมาให้นักแข่งเอนดูรานซ์ของ Porsche ในปี 1987 ผมจะเล่าประวัติของมันคร่าวๆ ให้ฟัง แนวคิดของ 928 ที่สปอร์ตขึ้นและเบากว่ารุ่นปกติมีมาก่อนหน้านั้นสักระยะแล้ว เพราะฉะนั้นการผลิตรถโปรโตไทพ์ที่สามารถวิ่งบนถนนได้อย่างถูกกฎหมายล็อตสั้นๆ ก่อนที่รุ่น Clubsport จะมาถึงในปี 1988 (ตลาดอังกฤษใช้ชื่อว่า SE) จึงเป็นโอกาสในการทดสอบล่วงหน้าอย่างยอดเยี่ยม การกดน้ำหนักลงจาก 928 S4 ที่อัดอุปกรณ์มาเต็มคันคืองานที่สำคัญที่สุด Porsche จึงจัดการรื้อแผ่นบุซับเสียง เซ็นทรัลล็อค เบาะปรับไฟฟ้า ครูสคอนโทรล แผงบังแดด รีโมทเปิดฝาท้าย เก๊ะเก็บของ ปัดน้ำฝนหลัง และโช้คอัพแนวขวางเพื่อดูดซับแรงสั่นทิ้งไป ระบบแอร์ปรับปรุงให้น้ำหนักน้อยลง เช่นเดียวกับชุดสายไฟของรถ ล้อ Forged หน้ากว้างขึ้นแต่เบากว่าล้อมาตรฐาน ทำให้ดึงน้ำหนักลงมาได้ที่ 1,450 กิโลกรัม (ลดไปเกือบ 150 กิโลกรัม) เมื่อมาบวกกับยางหลังหน้ากว้าง สปริงหน้าแข็ง โช้คอัพเพิ่มความหนืด เฟืองท้ายทดจัด และท่อไอเสียยิงตรง 928 พวกนี้จึงดิบโหดที่สุดอย่างที่คุณจะสามารถจินตนาการถึงรถจากโรงงานได้ และพวกมันยังน่าหมายปองอย่างใหญ่หลวงอีกด้วย อย่างรถคันเก่าของ Derek Bell ก็ขายไปถึง 225,000 ปอนด์ ที่งาน Bonhams 2016

การที่ 928 ของ Stevensons ถูกเซ็ทมาสำหรับวิ่งสนามอยู่แล้ว ก็น่าจะทำให้มันสุดโต่งยิ่งกว่าโปรโตไทพ์จากโรงงานพวกนั้นเข้าไปอีก ถึงมันจะไม่มีชุดสายไฟเบาพิเศษ แต่ภายในที่รื้อจนเตียนโล่งและไม่มีเบาะหลัง โรลเคจครึ่งคัน เบาะบักเก็ทซีทสำหรับแข่ง และการถอนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกโยนทิ้งไปอีกหนึ่งกระบุงก็ทำให้มันเป็น 928 ขั้นฮาร์ดคอร์อย่างเต็มตัว การจะทำมันกลับมาเป็นรถมาตรฐานจึงดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก และการเดินตามรอยโปรโตไทพ์รุ่น Clubsport จึงเป็นทางเดินที่ออกแรงน้อยกว่า ตัวรถเดิมเป็นสีขาว Grand Prix ภายในสีแดง แต่ Jonathan เลือกที่จะปรับโทนสีของมันให้ฉูดฉาดน้อยลงหน่อยด้วยการแกะสติ๊กเกอร์ GTRS สีแดงกับภายในสีแดงออก และพ่นสีสปอยเลอร์ใหม่ให้เป็นยางสีดำแบบที่ควรจะเป็น รูปลักษณ์ภายนอกถูกโอเวอร์ฮอล์จากหัวจรดท้ายในระดับงานละเอียด ตัวถังได้รับการสาดสีขาว Grand Prix ใหม่ทั้งคันเพื่อให้ดูสดใหม่เหมือนเพิ่งออกมาจากโรงงาน พร้อมกับปะผุสนิมที่กระจกหลังทั้งซ้ายและขวาอีกสองสามจุด ในตอนแรกรถใส่ล้อ RUF สีแดงสำหรับสนามแข่งมา พวกมันจึงถูกขายออกไปเพื่อสมทบทุนล้อ Clubsport ตรงรุ่นราคาสมเหตุสมผลที่ไปซื้อมาไกลถึงนอร์เวย์ รูบนแผงหลังจากการถอดก้านปัดน้ำฝนถูกอุดเรียบร้อย กระจกมองข้าง Cup ถูกแทนที่ด้วยกระจก 928 ทรงธง ปิดท้ายด้วยกระจกหน้าต่างและยางกุ๊นขอบเบิกใหม่จากศูนย์เพื่อความสดใหม่ยิ่งขึ้น

ภายในนั้นเบาะบักเก็ทซีท Sparco ถูกแทนที่ด้วยเบาะบักเก็ทซีท Cobra ที่เลาะโลโก้ออก พร้อมกับเย็บผ้า Pasha แทรกลงไปเพื่อให้ได้กลิ่นอายย้อนยุคเหมือนกับ 928 รุ่นแรกๆ แทนที่จะเป็นสีดำสนิทเพียงอย่างเดียว เข้าคู่กับเข็มขัดนิรภัย Willans สีดำ พรมสีแดงสดถูกแทนที่ด้วยพรม Perlon น้ำหนักเบาสีดำ ส่วนตัวพรมที่ติดพื้นรถก็ใช้วัสดุเดียวกันและมีด้านหลังเป็น “bobble back” เหมือนกับ 911 รุ่นแรกๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ไถล แต่ฉนวนซับเสียงจากโรงงานยังถูกเก็บเอาไว้เพื่อกรองเสียงดนตรีระดับเข้มข้นจากท่อไอเสียยิงตรงไปบางส่วน แผงประตูไปเสาะหาของรุ่น Series 2 มาใส่แทนของเดิม (เพื่อให้เหมือนรถรุ่นโปรโตไทพ์) และแทรกผ้า Pasha เข้าไปเพื่อให้ไปด้วยกันได้กับเบาะนั่ง สุดท้ายพวงมาลัย Momo สามก้านที่ถูกถอดออก แล้วใส่พวงมาลัย 928 ตรงรุ่นที่หุ้มใหม่ด้วยหนังสีดำเดินด้ายขาวตัดกันใส่เข้าไปแทน

ในทางเครื่องยนต์กลไกของ 928 ต้องถือว่าสภาพยังดีอยู่มาก เพราะมันถูกใช้แข่งในสนามไม่ทันได้กี่ครั้งสุขภาพเจ้าของก็ดันมาย่ำแย่ลงไปเสียก่อน คาลิปเปอร์เบรก Brembo ขนาดถูกต้องได้รับการเสาะหามาพร้อมกับจานเบรกใหม่ โช้คอัพ LEDA ปรับความหนืดได้ที่เคยถูกเซ็ทไว้สำหรับสนามแข่ง ก็ถูกส่งไปบูรณะใหม่ทั้งชุดและปรับจูนให้เหมาะกับการขับบนถนนมากขึ้นอีกเล็กน้อย มันช่วยลดอาการดีดกระเด้งลงจากที่เคยเป็นในอดีต จบด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้าย LSD เพื่อความมั่นใจว่าเจ้า ‘Clubsport’ จะอยู่ในสภาพพร้อมรบ

มันเป็นรถที่สวยชวนมองหลังจากผ่านการศัลยกรรมมาใหม่ทั้งคันจนสภาพเกือบจะเพอร์เฟกต์ และในสายตาของผม รูปทรงของเจ้า 928 S4 ก็ดูจะอยู่เหนือกาลเวลาได้อย่างยอดเยี่ยม เส้นสายตัวรถดูสะอาดตาและหรูหรา ปราศจากเหลี่ยมสันรกรุงรังใดๆ ถ้าได้รายละเอียดแบบรถยุคใหม่เติมเข้าไปอีกนิดกับล้อวงโตก็จะทำให้มันดูเหมือนรถที่ผลิตจากยุคมิลเลนเนียมได้ง่ายๆ ภายในถึงแม้จะเริ่มดูมีอายุจากรสนิยมการจัดวางอุปกรณ์แบบแปลกประหลาดในช่วงปลายยุค ‘70s แต่ตำแหน่งการนั่งขับก็ยังสุดยอดมาก จริงอยู่ที่ตัวเบาะถูกวางราบต่ำ แต่มันสามารถใช้งานแป้นเหยียบ ควบคุมพวงมาลัย และขยับคันเกียร์ธรรมดาอ้วนกลมได้อย่างคล่องแคล่ว ทัศนวิสัยจากห้องโดยสารกระจกรอบด้านก็ยอดเยี่ยม ถึงเวลาออกไปลองขับกันแล้ว

เรากลับมาที่เรื่องเสียงนั่นอีกครั้ง ซึ่งกำลังครอบงำทุกองค์ประกอบในการขับขี่ในจังหวะที่ผมขับออกไปช่วงแรก คุณจะจมอยู่กับความเลิศเลอของคุณภาพเสียงที่ดังกังวาลแต่ไม่หนวกหูแบบที่คุณจินตนาการว่าจะได้ยินจากท่อไอเสียยิงตรง มันเงียบในขณะความเร็วเดินทาง แต่คำรามลั่นเวลาที่คุณกดแป้นเหยียบด้านขวาจนติดไปกับพื้น แต่ยิ่งผมขับมันมากขึ้น คุณงามความดีแบบ Porsche ก็โผล่ออกมาสัมผัสกันเยอะขึ้น เริ่มแรกคือมันรู้สึกเบาเท้า ตอบสนองได้อย่างกรุบกรอบในเวลาที่คุณพุ่งเข้าหาโค้งและมีความรู้สึกสื่อสารกลับมาทางพวงมาลัยดีเยี่ยม การที่รถคันนี้มีน้ำหนักน้อยกว่า GT รุ่นมาตรฐานย่อมมีส่วนช่วย แต่การควบคุมตัวถังด้วยโช้คปรับความหนืดนั้นก็ยอดเยี่ยมด้วย 928 เอียงตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่พอถึงเวลาที่สลับซ้ายขวาเร็วๆ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของเส้นทางทดสอบครั้งนี้ มันก็กลับไม่มีอาการอุ้ยอ้ายให้เห็น ซึ่งก็จะยิ่งเติมความมั่นใจให้คุณมากขึ้น ท้ายรถตอบสนองไปตามการหมุนพวงมาลัยราวกับมันถูกเชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกัน แถมยังเกาะนิ่งสนิทแม้ว่าคุณจะกดคันเร่งแบบจัดเต็มก็ตาม แป้นเหยียบแบบอัพเกรดถูกจัดวางตำแหน่งมาได้เหมาะเหม็งสำหรับคนที่ดื่มด่ำกับการดีดรอบเครื่องขึ้นไปรอตอนเปลี่ยนเกียร์ลง การเข้าเกียร์แบบ Dogleg ไม่ได้แม่นยำที่สุด แต่สัมผัสได้ถึงกลไกที่หน่วงมืออยู่ข้างใต้นั่น พอจับจังหวะได้ก็จะกลายเป็นอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกพอใจมาก เครื่อง 5.0 ลิตร V8 ทำให้คุณสามารถทิ้งมันไว้ในเกียร์ 3 ตั้งแต่ขับช้ายันเร็วก็ได้ แต่คุณจะไม่อยากทำอย่างนั้นเพราะเสียงเครื่อง V8 บล็อคนี้จะไพเราะก็ต่อเมื่อเข็มวัดรอบแกว่งอยู่ในโซนด้านขวาของมาตรวัดเท่านั้น มันรู้สึกเร็วอย่างไร้การปรุงแต่งในแบบที่พละกำลัง 326 แรงม้า ใน 1,450 กิโลกรัม จะสามารถพาคุณไปได้ และสมรรถนะทางตรงของมันก็ได้รับการส่งเสริมด้วยแป้นเหยียบอันกลางที่ตอบสนองได้ฉับไวและหน่วงเท้ากำลังดี ซึ่งน้ำหนักก็เป็นไปในแบบที่คุณหวังจากอุปกรณ์ควบคุมต่างๆ อีกนั่นแหละ นี่มัน Porsche โคตรๆ

ผมยังคงถวิลหาโอกาสที่จะได้ลองขับ 928 GTS เกียร์ธรรมดาสภาพเยี่ยมเข้าสักวันนึง และมันจะต้องเป็นสีแดง Guard Red แบบที่ปรากฎใน Autocar ในสมัยก่อนด้วย แต่ครั้งนี้ผมก็ดีใจมากแล้วที่จะได้ลบความทรงจำแย่ๆ ของ 928 ออกไปจากหัว รถ GT ที่ตกแต่งเป็น ‘Clubsport” จนสวยเช้งนั้นขับได้สนุกด้วยวิธีการในแบบฉบับของ Stevenson ในการสร้างรถขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงโปรโตโทพ์คันแรกๆ มันก็ไม่น่าแปลกที่ราคาของ 928 ถึงได้ขึ้นเอาๆ ในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ เพราะถึงตอนนี้ก็ไม่มีรถคันไหนที่ขับได้เหมือนกับมันเลยสักรุ่นเดียว

 

GTPORSCHE issue 45

Story: Steve Hall
Translated: Thanapol Ratanaboon

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *