การสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ที่ Zuffenhausen โรงงานการผลิตอายุ 80 ปีของ Porsche คือการสร้างยานยนตร์สายพันธุ์ใหม่ภายใต้นิยาม ” Porsche Production 4.0 “
ในปี 1958 โรงงานผลิต Porsche ซึ่งนับเป็นบ้านของพนักงาน 320 คนมีหน้าที่สร้างสรร Porsche 356 ปีละ 1,651 คัน และในปี 2017 หรือ 60 ปีต่อมาพนักงานของบริษัทเพิ่มขึ้น 227% และด้วยพนักงาน 5,237 คนผลิต 51,878 คัน ได้แก่ 911, Boxster และ Cayman ในวันนี้พนักงานของ Porsche อยู่ที่จำนวน 5,500 คนและพวกเขาได้แยกย้ายกันจัดการผลิตรถ 250 คันและเครื่องยนตร์ 550 เครื่อง(ซึ่งมิใช่แต่เพียงของ Porsche เท่านั้น) ต่อวัน
จากจุดเริ่มต้นถึงการสำเร็จเสร็จสิ้นกินเวลา 4วันต่อการผลิต Porsche 911 อย่างไม่น่าสงสัยเลยว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจยิ่ง แต่ที่น่าสังเกตุมากกว่าก็คือ อัตราการเติบโตที่ Porsche ได้ประกาศไว้ถึงสิ่งที่จะกิดขึ้นที่ Stuttgart ในอีก สองถึงสามปีข้างหน้า มันคือความยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปี
ในช่วงระหว่างปี 2015 และ 2017 โรงผลิตยานยนตร์ของ Porsche ที่ Zuffenhausen เพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 25% และระหว่าง 2016 และ 2019 จำนวนยานยนตร์ที่ผลิตจะเพิ่มขึ้น 75% เป็น 440, ช่วงปี 2017 และ 2020 Porsche ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานอีก 70% เป็น 8,000 คน รวมถึงข่าวที่ออกมาเมื่อเร็วๆนี้ว่า Porsche จะสร้าง ‘Porsche Design Tower ซึ่งมีความสูง 90 เมตร (เนื้อที่ 20,000 ตารางเมตร) ในเวลา 2 ปีครึ่ง มันคือ สำนักงาน,โชว์รูม, พื้นที่จัดนิทรรศการ ตั้งอยู่ห่างจาก Porscheplatz เป็นระยะทาง 3 ไมล์ (ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงาน Zuffenhausen และ Porsche Museum) ไร้ข้อสงสัยแล้วว่า Porsche อยู่ในระหว่างการขยายตัวแบบไม่เคยปรากฏมาก่อนในเมืองที่เป็นบ้านเกิดของตนเอง
การขยายตัวครั้งล่าสุดคือ การออกแบบสร้างเพื่อจัดการที่จัดเก็บ 992, Taycan และทายาทที่จะตามมาของ Boxter และ Cayman ซึ่งทำให้เห็นว่า Porche เป็นเลิศทั้งแคล่วคล่องในการสร้างสรรค์และการวางแผนควบคุมด้วยความชำนาญ ด้วยความที่ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางของ Stuttgart และแวดล้อมไปด้วยอาคารทางประวัติศาสตร์ของ Porsche, ที่พักอาศัยของคนท้องถิ่น,ธุรกิจการค้าประเภทอื่นๆและถนนสายหลักที่นำการจราจรเข้าสู่ใจกลางเมือง Porsche ใช้วิธีคิดที่ชาญฉลาดและทักษะการวางแผนที่พิถีพิถันเพื่อขับเคลื่อนควมสำเร็จครั้งนี้ โรงงานผลิต 911 และ 718 ที่ได้รับการแปลงโฉม (รวมทั้งแขนงต่างๆของ 718) ที่จะออกมาในอนาคตเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุด การกำเนิดของTaycan รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบและใช้ระบบ turbocharged ของ Porsche คือ ฉนวนหลักของการของการเติบโตในแผนพื้นฐานโครงสร้างของ Porche อย่างไม่ต้องกังขาในความพยายามให้Taycan ถูกผลิตขึ้นในใจกลางที่ตั้งหลักทางภูมิศาสตร์ของตน Porsche ถูกกำหนดในการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของเงินลงทุนใหม่จำนวน 700 ล้านยูโร คือการพัฒนาสายพานที่มีความยาว 890 เมตร ซึ่งจะนำตัวถังของ Taycan จากโรงงานผลิตไปยังโรงพ่นสี ไม่แต่เฉพาะว่ามันจะเป็นสายพานที่ใช้เพื่ออุตสาหกรรมเดียวกันที่ยาวที่สุดในโลก แต่มันยังวิ่งผ่านอยู่สูงกว่าถนนสาธารณะที่จอแจถึง 20 เมตรอาคารสี่ชั้นใหม่เอี่ยมถูกสร้างขึ้นใกล้ๆ Porsche Museum ข้างในนั้นมี 992, ทายาทรุ่นต่อไปของ Boxter และ Cayman และด้วยกันนั้นยังมี Taycan และแขนงต่างๆของมันที่อยู่ระหว่าง(หรือกำลังจะ)ผลิตขึ้นมาในอนาคตการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมนี้ส่วนหนึ่งคือการความเป็นผู้ช่างประดิษฐ์และอีกส่วนหนึ่งคือความจำเป็นในการวางแผนควมคุมอย่างชำนาญรัดกุมซึ่งต้องการให้มั่นใจว่า Porsche แต่ละรุ่นนั้นมีความ “เป็นสามัญ” ต่อกันมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา และ Porsche ต้องการสื่อสาร “การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์” นี้นั่นหมายถึง ลักษณะโครงสร้างที่ต่างกัน 9 แบบ (บวกอีกสองลักษณะด้านข้างที่เพิ่มขึ้น) สามารถถูกสร้างขึ้นในอาคารหรือโรงงานผลิตที่เดียว โดยไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนหรือระบบเครื่องจักรอื่นใดมาเกี่ยวข้องอีก 992 คือรถแบบแรกที่ใช้ขบวนการผลิตนี้และ Taycan ก็จะเป็นแบบต่อไป Start of Production ถูกกำหนดไว้ที่ต้นปี 2019 แต่อาจเริ่มขึ้นแล้วในเวลาที่เรื่องนี้ถูกลงพิมพ์หุ่นกล 280 ตัว เข้าประจำการใน Porche Production 4.0 แต่เราก็มิได้ให้การสัมผัสจากมือมนุษย์นั้นสูญหายไป ในบางขั้นตอนของการผลิต เช่น การเข้าโครงตัวถังนั้นเป็นเรื่องของระบบเครื่องจักรกลแต่หุ่นกลก็ยังต้องทำงานควบคู่ไปกับมนุษย์ในขั้นตอนอื่นๆ พวก “semi-droids” มีการทำงานด้วยเทคโนโลยีพิเศษที่เรียกว่า ” capacitive skin” ซึ่งมันจะหยุดการทำงานลงในทันทีเมื่อสัมผัสกับผิวหนังของมนุษย์ ทั้งนี้เพื่เป็นการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น Porsche เรียกสิ่งนี้ว่า “human-robot collaboration” หรือเรียกสั้นๆว่า MRK
นอกเหนือไปจากสิ่งประดิษฐ์นี้แล้วยังมีอีกหลายสิ่งที่ผมจะไม่แกล้งทำเป็นว่าผมเข้าใจ บางอย่างอาจเป็นลักษณะมาตรฐานทางอุตสาหกรรม แต่จากสิ่งที่ผมรวบรวมได้พวกเขามีเทคโนโลยีมหาศาลที่อย่างน้อยก็สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อ Porsche หลักๆคือระบบการขนส่งชิ้นส่วนและโครงตัวรถผ่านวงจรการผลิตที่ต้องใช้ระบบ ” camera-guided” หรือกล้องที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการควบคุมความเร็ว, คุณภาพ และความแม่นยำ
Porsche จัดแจงแต่งตัวทั้งหมดนี้เสมือนเป็นการวิวัฒนาการสิ่งที่เคยปฏิบัติกันมา เห็นได้อย่างเด่นชัดได้ เช่น การนำรถเข้าจอดเก็บบนพพื้นสีขาววาววับด้วยระบบ “ดิจิตอล” ที่ปฏิวัติขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นงานชั้นเลิศและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ Porscheกำลังมุ่งมั่นกับการทำนโยบาย ” carbon neutral” ให้บรรลุผลและนี่คืออีกสิ่งหนึ่งของ Porsche Production 4.0 ทุกวันนี้คำว่า ความยั่งยืน คือคำที่พูดกันอยู่ทั่วไป แต่Porscheไม้เพียงแต่จะนำเสนอรถที่ไม่ผลิตมลพิษ ( emission-free car )ให้กับเรา Porsche ต้องการทำเช่นนั้นเพื่อแสดงสำนึกอันชัดเจนที่มีต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน
ปลายทางของจุดมุ่งหมายของ Porsche คือโรงงานผลิตที่ไร้มลพิษ ( emissiom neutral factory ) ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นที่ยิ่งใหญ่ เพื่อการสร้างโรงงานผลิตขนาดใหญ่ที่ไม่ผลิตคาร์บอนมอนนอคไซด์ Porche ต้องทะลายหมู่อาคารเก่า มีการปลูกหญ้าบนเนื้อที่ 42,000 ตารางเมตรบนหลังคาของอาคารใหม่รวมทั้งต้นหมากรากไม้อีกมากมาย มีข่าวลือวนกันไปว่ามันอาจเป็นมากกว่าที่แผนที่ Porche คิดไว้แต่แรก จนทำให้ต้องขยายเวลาการหยุดการผลิตที่ Zuffenhausen ออกไปในช่วงปี 2018 และยิ่งกว่านั้นตารางการทำงานของโรงงานก็ได้ทำให้ตารางของวันหยุดต่างๆป่วนไปทั้งเมือง
ในขณะที่ผมกำลังเขียนบทความเรื่องนี้ ผมได้รับเกียรติให้ได้ไปชมส่วนเล็กๆของฐานการผลิตใหม่, หุ่นกลที่น่าทึ่ง อีกทั้งเทคโนโลยีอื่นๆที่ใช้ในการปฏิบัติงาน ทั้งหมดนี้คือจากบริษัทที่ได้ชื่อว่ายังคงเป็นผู้ผลิตรถสำหรับลูกค้ากลุ่มพิเศษ ถ้าจะมองให้เห็นเป็นรูปธรรมขึ้น เราไม่ควรมองไกลไปเกินเพื่อนร่วมบ้านเดียวกันที่ Stuttgart อย่าง Mercedes-Benz ซึ่งขายรถไปทั่วโลกประมาณ 2.3 ล้านคันในปี 2017 Porsche ก็ได้ส่งรถ 246,000 คัน ออกไปในปีเดียวกัน ไม่ว่าจะควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ หรือระบบหุ่นกลซึ่งใช้ร่วมในการผลิตก็ตาม Porsche ยังคงยืนหยัดในการไม่เน้นเรื่องปริมาณการผลิต แต่สร้างสรรค์ด้วยความถ้วนถี่และใส่ใจพร้อมกลิ่นอายของความพิเศษเฉพาะตัว
Leave a Reply