GREAT WHITE : 997 Turbo

ความเร็ว และสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ ทําให้ 997 Turbo เป็นอสูรความเร็วที่ไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

DOUBLE WHAMMY 
997 Turbo เปิดตัวครั้งแรกในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ปี 2006, ความโดดเด่นภายนอก ได้จากช่องอากาศ 4 ช่องที่ด้านหลัง, สปอยเลอร์หลังยืดขยายออกได้, ล้ออัลลอยเฉพาะรุ่น, กันชนหน้าตกแต่งด้วย ไฟ LED พร้อมไฟตัดหมอกและไฟเลี้ยวที่ ออกแบบใหม่ ทั้งหมดทําให้ 997 Turbo มีความดุดันสไตล์สปอร์ตมากขึ้นกว่า ในรุ่น Carrera 4 และ 4S นอกจากนี้ Porsche ยังได้ใช้งานนี้สําหรับ การเปิดตัว 997 GT3 ด้วย

หากดูข้อมูลเทคนิคของ Turbo โมเดลนี้แล้วอาจคิดไปว่านี่เป็นเพียงแค่ก้าวเล็ก ๆ อีกก้าวหนึ่งที่ต่อยอดมาจาก Porsche 997 ที่ Porsche นําออก จําหน่ายในปี 2005 ระบบกันสะเทือนของ 997 เวอร์ชั่น พิเศษนี้เป็นการผสานการทํางานกัน ระหว่างแม็คเฟอร์สัน สตรัทที่ด้านหน้า และมัลติลิงก์พร้อมคอยล์สปริงที่ด้าน หลัง โดยมีระบบควบคุมการทํางานของระบบช่วงล่าง Porsche Active Stability Management (PASM) ทําหน้าที่ กํากับควบคุมการทํางานอีกที่หนึ่ง โดยระบบนี้จะตรวจสอบ และควบคุมการปรับระดับการทํางานของโช้กอัพโดย อัตโนมัติ ให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ในโหมด Sport ที่การตอบสนองการทํางานต่าง ๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว มากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีที่เยี่ยมยอดนี้ไม่ได้มีเฉพาะในรุ่น Turbo แต่ยังเป็นอุปกรณ์ติดตั้งมาตรฐานใน 997 Carrera s และ Carrera 4S พร้อมทั้งเป็นอุปกรณ์ติดตั้งพิเศษสําหรับ Carrera และ Carrera 4 อีกด้วย

สิ่งที่เพิ่มเติมเข้าไปในห้องโดยสารใกล้เคียงกับ 997 เวอร์ชั่นอื่น ๆ ขณะที่ตัวถังพร้อมซุ้มล้อก็มีความกว้าง เช่นเดียวกับสเปคของ Carrera 4 หรือ Carrera 4S มันเป็น

การยากที่จะสังเกตได้จากภายนอกถึงสิ่งที่ 997 Turbo สามารถทําให้เกิดขึ้นได้ เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ของ 997 Turbo ไม่แตกต่างไปจากที่ใช้อยู่ใน Carrera ขณะที่ระบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ไม่ได้มีข้อได้เปรียบมากไปกว่าที่มี อยู่ใน Carrera 4 หรือ 4S แต่ทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นข้อมูล ทางเทคนิคของ 997 Turbo ที่มองดูอย่างผิวเผินเป็นการปิดบัง อําพรางความยอดเยี่ยมที่มีอยู่อย่างแนบเนียนที่สุด

PULLING POWER

ประโยชน์ที่แท้จริงของ 997 Turbo ห่างไกลจากการ ให้ความสําคัญถึงความแตกต่างมาก ในสายตาของผู้ไม่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ แล้วพละกําลังของเครื่องยนต์ 6 สูบ ที่ใช้แทบไม่แตกต่างไปจากเครื่องยนต์ M96 ของ Carrera หรือเครื่องยนต์ M97 ของ Carrera S แต่เครื่องยนต์ของ 997 Turbo มีดีมากไปกว่านั้น โดยทั่วไปเครื่องยนต์นี้ ถูกเรียกว่า “Mezger ตามชื่อของ Hans Merger วิศวกร เครื่องยนต์ระดับตํานานคนหนึ่งของ Porsche เครื่องยนต์ แบบ dry-sump มีการใช้ชิ้นส่วนประกอบเช่นข้อเหวี่ยง และโครงสร้างพื้นฐานเช่นเดียวกับรถยนต์ Porsche GT ในโมเดล 996 และ 997 ทั่วไปที่มีสายสัมพันธ์ย้อนยุค ลงไปถึงรถแข่ง 911 GTILe Mans เครื่องยนต์เดียวกันนี้ยัง ปรากฏให้เห็นใน 996 Turbo ซึ่งให้กําลังแรงม้าสูงสุด 450 แรงม้า (bhp) ขณะที่เมื่อนํามาใช้กับ 997 ส่วนประกอบภายใน ต่าง ๆ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใดโดยที่ ทีมวิศวกรของ Porsche ได้ให้ความสําคัญไปกับการ อัพเกรดระบบอัดอากาศเพื่อมาใช้แทนที่การใช้เทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ของ KKK ที่ทํางานร่วมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ ควบคุมการทํางานของระบบเทอร์โบแปรผันของ BorgWarner ที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดการเกิดการล้า และป้องกันการเกิดแรงดันย้อนกลับ ซึ่งโดยเดิมแล้วเป็น นวัตกรรมที่คิดค้นพัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับเครื่องยนต์ดีเซล ขนาดใหญ่โดยใช้ชุดใบพัดเทอร์ไบน์ในการที่จะเพิ่มหรือ ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพื้นผิวของเทอร์ไบน์ ซึ่งในขณะที่ ใช้ความเร็วต่ําใบพัดนี้จะตัดการทํางานและก๊าซไอเสียที่ ไหลเข้าเทอร์ไบน์จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ช่วยให้กําลังแรงม้า เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วตามแรงดันที่เพิ่มขึ้นทําให้ 997 Turbo ตอบสนองต่อความต้องการความเร็วได้มาก กว่าใน 996 Turbo และเมื่อแรงดันขึ้นถึงระดับ 1.0 บาร์ ใบพัดเทอร์ไบน์จะเปิดออกและส่วนประกอบต่าง ๆ ของ เทอร์ไบน์ทํางานอย่างเต็มสมรรถนะทําให้ 997 Turbo เจเนอเรชั่นแรกนี้มีกําลังแรงม้าสูงสุดถึง 472 แรงม้า (bhp) ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 457lb-t ระหว่างรอบเครื่องยนต์ 1,950 ถึง 5,000 รอบต่อนาที โดย โหมดโอเวอร์บูสต์เพิ่มแรงบิดมากขึ้นเป็น 501Ib-ft สําหรับ การเรียกใช้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เช่นในขณะเร่งแซง ในรถที่มีการตกแต่งเพิ่มเติมด้วยชุด Sport Chrono พูดแบบกระชับง่าย ๆ ก็คือ ความยืดหยุ่นของเทอร์โบ ขนาดเล็กที่ให้สมรรถนะและประสิทธิภาพเช่นเดียวกับ เทอร์โบขนาดใหญ่นั่นเอง

พละกําลังสูงสุดไม่ได้เป็นเพียงข้อมูลตัวเลขที่รับรู้ได้ ถึงพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด อัตราทดพวงมาลัยแบบ แปรผันได้ยังแสดงให้เห็นถึงการตอบสนองที่รวดเร็วแต่ นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ขณะที่จานดิสก์เบรกขนาด 350 มิลลิเมตร ที่ใช้มีความใหญ่กว่าที่ใช้ใน 996 Turbo ถึง 20 มิลลิเมตร โดยการใช้ลูกสูบคาลิปเปอร์เบรกแบบ 6 สูบ พร้อมหม้อลม เบรกคู่ทําให้การอัพเกรดระบบเบรกของ 997 Turbo มี ประสิทธิภาพในการหยุดหรือลดความเร็วได้อย่างไว้วางใจ ได้สูงสุด ขณะที่เบรก Porsche Carbon Ceramic Brakes (PCCB) ที่สามารถเลือกใช้เป็นอุปกรณ์ติดตั้งพิเศษ เพิ่มเติมจะขยายเส้นผ่านศูนย์กลางของจานดิสก์เบรก ออกไปเป็น 380 มิลลิเมตร พร้อมกับการแสดงถึงความเป็นสิ่งพิเศษเพิ่มเติมเข้ามาด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีเหลือง แต่ไม่ว่าจะเลือกระบบเบรกเป็นแบบไหนเจเนอเรชั่นแรก ของ 997 Turbo ยังมาพร้อมกับลวดลายของล้ออัลลอย ที่ดึงดูดความสนใจของผู้พบเห็นได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ของรถยนต์ Porsche เลยทีเดียว ดีไซน์นี้มาพร้อมกับ ล้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 19 นิ้วสําหรับคู่หน้า และหน้า กว้าง 11 นิ้วสําหรับคู่หลัง ล้อที่ใช้นี้เป็นล้อน้ําหนักเบา มีความเงางามเป็นพิเศษ

  • ตัดเรื่องของข้อมูล เทคนิคออกไปและ ประโยชน์ที่ได้จาก เทอร์โบแปรผันง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนตรงที่เทอร์โบขนาดเล็กมี ความสามารถปรับ เปลี่ยนได้พละกําลัง เท่ากับเทอร์โบ ขนาดใหญ่
  • สปอยเลอร์หลัง แบบ 2 ชั้น เป็น สิ่งหนึ่งที่ใช้ตกแต่ง ภายนอกเพื่อสื่อ ให้เห็นสิ่งที่ซ่อนเร้น อยู่ภายใน
  • คาลิปเปอร์เบรก สีเหลืองบ่งบอกถึง mรใช้เบรก Porsche Carbon Ceramic Brakes

 

SKIRTING AROUND

เรือนร่างภายนอกของ 997 Turbo สื่อให้เห็นถึง พละกําลังพลังในการขับเคลื่อนจากด้านหน้าไปจรด ด้านท้าย อีกทั้งยังถูกเน้นย้ําให้มีความดุดันสไตล์สปอร์ต มากขึ้นด้วยแถบสีดําที่ทอดตัวยาวอยู่ด้านล่างของกันชน และด้านข้างของตัวถัง ชุดกันชนหน้าถูกออกแบบใหม่ให้ มีมิติของความลึกและความกว้างมากขึ้นในส่วนของ ช่องดักอากาศขณะที่รูปแบบของไฟเลี้ยวเป็นดีไซน์ที่ใช้ กับ 997 Turbo และ 997 GT2 เท่านั้น กันชนหลังขนาดใหญ่ ประกอบด้วยปลายท่อไอเสียแยก 2 ฝั่ง ฝังตัวอยู่ในกรอบ สีดํา มุมทั้งสองด้านเป็นช่องระบายอากาศสองชั้นในลักษณะเดียวกับ 996 Turbo สปอยเลอร์หลังแบบสองชั้น ติดตายตัว ชั้นบนสามารถยึดตัวออกมาได้ทํางานเมื่อ รถวิ่งด้วยความเร็วสูง

การยึดเกาะเป็นอีกส่วนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ด้วยการทํางานของระบบต่าง ๆ ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ 997 Turbo ประกอบด้วยระบบควบคุม ทรขับเคลื่อน 4 ล้อ Porsche Traction Management (PTM) ซึ่งเจเนอเรชั่นแรกของ 997 Carrera 4 และ 4s ใช้ vicous coupling ในการแบ่ง กําลังขับเคลื่อนซึ่งมีการใช้มาตั้งแต่ 911 เจเนอเรชั่น 993 แล้วโดยใน 997 ใช้ระบบกลไกกระตุ้นการทํางานของเพลา กลางควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ชุดจานคลัตช์ 8 แผ่น ทํา งานผ่านแรงดันอิเล็กทรอแมคเนติกระบบใหม่นี้ตอบสนอง การสั่งการทํางานภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นใน การที่จะส่งแรงบิด 15 เปอร์เซ็นต์ ของแรงบิดที่เหมาะสม ไปยังเพลาหน้าในสถานการณ์การขับขี่ปกติทั่วไปแต่จะ ส่งแรงบิดที่สูงถึง 258Ib-ft ไปยังเพลาหน้าเมื่อต้องการ อัตราเร่งที่รวดเร็วเป็นพิเศษ

เซ็นเซอร์ที่แป้นคันเร่งจะส่งสัญญาณให้ระบบช่วยใน การออกตัว launch control เริ่มต้นทํางานแต่ระบบนี้จะมี เฉพาะในระบบส่งกําลังแบบ Tiptronic s ที่มีเกียร์เดินหน้า 5 สปีดเท่านั้น ซึ่งด้วยระบบนี้ทําให้ 997 Turbo สามารถ ทําอัตราจากจุดหยุดนิ่งไปจนถึงระดับความเร็ว 60 ไมล์ต่อ ชั่วโมงในเวลาเพียง 3.7 วินาที ซึ่งเร็วกว่า Turbo ที่ใช้เกียร์ ธรรมดา 0.2 วินาที โดยที่รถไม่มีอาการหน้าลอยหรือ ลื่นไถลขณะเริ่มต้นออกตัวแต่อย่างใด ซึ่งด้วยการทําเวลาที่ ยอดเยี่ยมนี้ทําให้ 997 Turbo ที่ใช้ระบบส่งกําลัง Tiptronic เป็นสปอร์ตคาร์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติและมีการผลิตจําหน่าย จํานวนมากที่เร็วที่สุดในโลก

ระบบการเปลี่ยนการทํางานด้วยตัวเองเป็นหนึ่งใน ความเปลี่ยนแปลงหลักของ 997 Gen II Turbo ที่เป็นรุ่นปรับปรุง เพิ่มเติมเปิดตัวออกมาในช่วงปลายปี 2009 โดยระบบ ส่งกําลังแบบ PDK คลัตช์คู่ถูกนําเข้าแทนที่ระบบ เกียร์ Tiptronic ซึ่งต่อมาระบบส่งกําลังใหม่นี้ เป็นระบบส่ง กําลังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่าเจ้าของรถ 9 ใน 10 เลือกที่จะใช้ระบบเกียร์นี้ในเรื่องของเครื่องยนต์ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นด้วยเช่นกันโดยเครื่องยนต์ Mezger ถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ไดเร็กอินเจ็กชั่น 3.8 ลิตร ให้กําลังแรงม้าสูงสุด 493 แรงม้า (bhp) เช่นเดียวกับ ล้อที่ใช้เป็นล้อรุ่นใหม่ นอกจากนี้ชุดไฟท้ายยังเปลี่ยนเป็น ไฟ LED อีกด้วย ส่วนระบบ rear torque vectoring ที่ช่วย เพิ่มความคล่องแคล่วว่องไวให้เพิ่มมากขึ้นถูกจัดอยู่ใน อุปกรณ์เลือกติดตั้งเพิ่มเติม

OUT IN THE OPEN

ทั้ง 997 Turbo เจเนอเรชั่นแรกและเจเนอเรชั่น 2 ล้วน แต่มีเวอร์ชั่นพิเศษที่ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับสายลมแสงแดด ยามเคลื่อนที่สัญจรไปบนท้องถนนได้โดยปราศจากหลังคา ห้องโดยสารมาขวางกั้น เป็นการเดินตามรอยเท้าของ 995 Turbo Cabriolet ปี 2003 ซึ่งเป็น 911 Turbo ที่สามารถ เปิดหลังคาได้โมเดลแรกหลังจากการสิ้นสุดยุคของ 930 ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2007 Porsche 997 Turbo ยังมีรุ่นหลังคา อ่อนให้เลือกเป็นเจ้าของด้วย พละกําลัง แรงบิด และ ความงดงามทั้งภายนอกและภายในล้วนอยู่ในระดับเดียว กับรุ่นตัวถังคูเป้เพียงแต่น้ําหนักตัวรถที่เพิ่มขึ้นอีก 70 กิโลกรัม ที่เป็นความแตกต่าง ในเรื่องของแอโรไดนามิก ยังมีส่วนสําคัญที่เพิ่มเติมความงามในสไตล์สปอร์ต, ประสิทธิภาพและความคล่องแคล่วปราดเปรียวโดยที่ สปอยเลอร์หลังของรุ่นหลังคาอ่อนจะถูกให้มีความสูงกว่า ในรุ่น 997 ทั่วไป 3 เซนติเมตร ทําให้เจเนอเรชั่นแรกของ 997 Turbo Cabriolet ถูกบันทึกว่าเป็นรถยนต์เปิดประทุน แบบผลิตจําหน่ายจริงรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ที่ทําให้เกิด แรงดาวน์ฟอร์ซขึ้น แต่ข้อมูลเทคนิค ตัวเลขค่าสมรรถนะ ต่าง ๆ ยังไม่สามารถให้ประสบการณ์การขับขี่ 997 Turbo ได้เหมือนกับการได้ทดลองขับจริง และนี่คือสาเหตุให้ Mike Crowther ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี ความปลอดภัยสําหรับยานยนต์ ผู้เป็นเจ้าของ Porsche 997 Turbo เกียร์ธรรมดาเจเนอเรชั่นแรกที่มีการตกแต่ง ด้วยชุด Sport Chrono และเบรก Porsche Carbon Ceramic Brakes ที่ปรากฏอยู่ใน GT Porsche ฉบับนี้โดย Mike บอกว่า

“มันจําเป็นต้องเป็นเครื่องยนต์ Mezger อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สมรรถนะและความเชื่อถือได้มีให้อย่างเต็มที่ มีความ โดดเด่นเป็นพิเศษสําหรับเครื่องยนต์ที่ไม่ธรรมดานี้ เสียง ที่เร้าอารมณ์ความรู้สึกถูกถ่ายทอดออกมาตั้งแต่เมื่อ เครื่องยนต์ถูกกระตุ้นให้ทํางานและยังมีอย่างต่อเนื่อง ตลอดไปจนเครื่องยนต์ถูกตัดการทํางาน เสียงของอากาศ ที่เคลื่อนที่ออกไปซึ่งเมื่อฟังจากภายนอกมันช่างเหมือน เสียงของเครื่องบินไอพ่นที่ย่อส่วนลงมาเลยทีเดียว”

MUSCLE AND STRENGTH

“มีอยู่จุดหนึ่ง แค่หลังจากที่เทอร์โบชาร์จเจอร์ทํางาน และแน่นอนว่าสิ่งนั้นยังคงมีอยู่อย่างครบถ้วนตลอดการ ใช้แรงบิดในรอบปานกลาง นั่นคือ 997 Turbo สามารถส่งมอบ แรงดังกล่าวนั้นเมื่อใช้ความเร็วสูงได้อย่างไร เครื่องยนต์นี้ เป็นงานวิศวกรรมยานยนต์ที่ชาญฉลาดที่ทําให้คุณ ไม่รู้สึกถึงความจําเป็นในการที่จะต้องกดคันเร่งให้รุนแรง มากขึ้นและด้วยอาการล้าหรือรอรอบของเทอร์โบของ BorgWarners ที่เกิดขึ้นในระดับที่ต่ําทําให้คุณสามารถ เล่นกับพละกําลังมหาศาลได้อย่างเหมาะสม” Mike พูด ให้ต่อ “ขณะเดียวกันเรื่องของการบังคับควบคุมเป็นอีก องค์ประกอบหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้เวลานานเท่าใดนักพวงมาลัยมีความเที่ยงตรง แม่นยําอย่างมาก ในส่วนของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน Turbo ให้ความรู้สึกที่มั่นคง ทร ยึดเกาะกับพื้นถนนราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมหลงใหล และชื่นชอบการที่รถมีความแข็งแกร่งบนเส้นทางโค้ง และ 997 Turbo ยินยอมให้คุณเป็นผู้ควบคุมสมรรถนะ และถ่ายทอดมันลงสู่พื้นถนนได้อย่างไร้ปัญหาใด ๆ”

ผู้ชนะการแข่งขัน Porsche Club Great Britain ปี 2018 Ragley Hall จะเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 997 ของ Mike ได้รับการบํารุงรักษาด้วยความพิถีพิถันของบรรดาทีมงาน ที่เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับ Porsche โดยเฉพาะ “เมื่อผมมองดูที่ตัวรถ ผมรู้ได้ในทันทีว่าถึงเวลาแล้วที่ รถของผมจะต้องได้รับการดูแลบํารุงรักษาครั้งใหญ่ ซึ่งต้องทําโดยทีมช่างที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะด้าน ทีมงานที่ 911 Virgin เป็นทีมงานที่ดีที่สุดทีมงานหนึ่ง

พวกเขารู้จักประวัติรถของผมเป็นอย่างดีและยังให้ คําแนะนําที่มีประโยชน์อย่างยิ่งหากผมจะเลือกรถยนต์ เพิ่มเติมอีกสักคันที่ไม่ใช่รถที่เคยอยู่มือของ 911 Virgin สําหรับตัวถังสีขาวเป็นผลงานของ Cotswold Finest ซึ่งได้ใช้เวลาหลายวันเพื่อให้งานของพวกเขาดีที่สุด เท่าที่จะทําให้เกิดขึ้นได้ ก่อนที่จะส่งมอบรถต่อไปยัง Max Protect เพื่อทําการเคลือบแก้วให้ตัวรถมีมิติความ สดใสเงางามมากยิ่งขึ้น ในส่วนของชุดส่งกําลัง Porsche Centre Tewkesbury bag Cotswold Porsche Specialitst เป็นผู้รับหน้าที่” ซึ่งหลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้นถึงเวลาที่ 997 Turbo เจเนอเรชั่นแรกที่มีความพิเศษอยู่ในตัว ของตัวเองคันนี้จะแสดงให้เห็นว่าสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถจะสร้างความแตกต่างได้อย่างไร ก้าวต่อไปคือ กรควอลิฟายในสนามแข่งความเร็วจริง

TWO’S COMPANY

หากถามว่าในบรรดา Porsche 997 เจเนอเรชั้นแรก ด้วยกัน โมเดลรุ่นใดเป็นรุ่นที่ทรงพลังมีสมรรถนะ สูงสุด ส่วนใหญ่คงจะตอบว่ารุ่น Turbo หรือ GT3 เพราะ ทั้งสองโมเดลเป็นรุ่นที่กําลังแรงม้าสูงเป็นพิเศษ แต่ในความเป็นจริงเป็น GT2 ที่เป็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะ สูงที่สุดในบรรดาเหล่า 997 เจเนอเรชั่นแรก ซึ่ง GT2 เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนปี 2007 ได้รับการยอมรับ ว่าเป็นรถแข่งที่สามารถใช้งานบนท้องถนนทั่วไปได้ อย่างถูกกฎหมายที่ทรงพลังและมีความเร็วสูงสุด กําลังแรงม้าสูงสุด 523 แรงม้า แรงบิด 502Ib-ft มาจากเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ทวิน-เทอร์โบ 3.6 ลิตร ที่แตกต่างไปจาก997 Turbo อื่น ๆ คือเป็นรถขับเคลื่อน ล้อหลังทําให้แชสซีส์ที่ใช้มีน้ําหนักที่เบากว่า มีการใช้ ระบบท่อไอเสียไทเทเนียมและการปรับปรุงระบบไอดี ใหม่ซึ่งทําให้ GT2 สามารถประหยัดน้ํามันเชื้อเพลิง ได้มากกว่าในรุ่น Turbo 15 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ GT2 ยังเป็น 911 ที่ผลิตจําหน่ายจริงรุ่นแรกที่สามารถ ทําความเร็วสูงสุดได้เกินกว่า 200 ไมล์ต่อชั่วโมง สําหรับ ความแตกต่างระหว่าง Turbo กับ GT2 ยังเห็นได้จากการ ที่ GT2 มีการปรับเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ (ไม่มีไฟตัด หมอก), การปรับปรุงกันชนหลังใหม่ และมีสปอยเลอร์หลัง ที่ขยายใหญ่ขึ้น รวมถึงการมีช่องดักอากาศด้านข้างตัวรถ

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *