เมื่อ Porsche 911 เป็นเสมือนจิ๊กซอว์แห่งความฝันของ คุณ ต๋อง–สุรพันธ์ จรรยงพันธุ์ ที่เมื่อเริ่มต้นแล้วก็ต้องตามต่อให้ครบ และหนึ่งในตัวต่อที่สำคัญที่ทำให้ความฝันของเขาสมบูรณ์ก็คือ Porsche 993 Carrera S คันนี้นี่เอง
“ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาได้ขับ แต่การได้ซ่อม ได้ประกอบอะไหล่ Porsche กลับเข้าไปและได้เห็นมันอีกครั้งผมก็มีความสุขแล้ว” คุณต๋องผู้บริหารหนุ่มมาดเนี้ยบ เจ้าของธุรกิจผลิตและจำหน่ายระบบไฟแสงสว่างอาคารบอกกับทีมงานของ GT Porsche ในวันที่เขาเปิดโรงรถ Porsche ส่วนตัวให้เราชม พร้อมกับเปิดตัว Porsche 993 Carrera S คันสีม่วง หนึ่งในไฮไลน์ของโรงรถ
“ความชอบ Porsche ของผมก็น่าจะเหมือนเจ้าของ Porsche หลาย ๆ คนที่เคยสัมภาษณ์ไปในเล่มนี้ มันเป็นความใฝ่ฝันของเด็กผู้ชายทุกคน ผมมีรูปของรถสปอร์ตรุ่นต่าง ๆ แปะไว้ข้างฝา แต่ดูไปดูมารู้สึกว่าจะมี Porsche มากที่สุด ซึ่งตอนเด็กเราก็ยังไม่มีปัญญาซื้อหรอก จนกระทั่งไปเรียนเมืองนอก กลับมาทำงานถึงเริ่มมอง Porsche กับเขา”
Porsche 993 เป็น Porsche คันแรกเลยที่ผมเล็งไว้ แต่สุดท้ายก็ไปจบคันแรกกับ Porsche 996 4s เมื่อสิบกว่าปีก่อน แล้วก็ขยับมาเป็น Porsche 997 4s” คุณต๋องบอกถึงจุดเริ่มต้นกับเจ้าชายกบ ว่าเขาเลือกแต่รุ่น S ที่มีบั้นท้ายใหญ่ ๆ
“ผมไม่ใช่คนขับรถเร็ว เคยไปลองรุ่น Turbo ของเพื่อนแล้วรู้สึกว่ามันแรงไป แต่ผมดันชอบท้ายแบบเทอร์โบที่เป็น Wide Body Porsche กี่คันที่มีก็เลยท้ายแบบนี้ทั้งนั้น”
กับ 993 Carrera S คันนี้คุณต๋องบอกว่าได้มาด้วยความบังเอิญเหมือนพรหมลิขิตเมื่อหกปีก่อน ตอนที่เขามีภารกิจอยู่ในต่างประเทศด้วยซ้ำ
“ตอนซื้อไม่เคยเห็นรถจริง มีคนโทรมาบอกว่ามีรถคันนี้กำลังขายสนใจไหม เป็นรถของ AAS ซึ่ง Authorized Dealer และเป็นรถสีพิเศษ Vesuvio Metallic ซึ่งเป็นสีที่ผมอยากได้มาก อีกทั้ง 993 เป็น Porsche คันแรกที่ผมอยากได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นยังไม่มีโอกาส เนื่องจากมีวิกฤตเศรษฐกิจก็เลยต้องพักโครงการไป ในเมืองไทยเท่าที่เคยทราบมีแค่ 2 คัน แต่อีกคันเป็นพวงมาลัยซ้าย และถ้าเป็นรถที่สั่งเข้ามาขายในเมืองไทยก็มีรถผมเพียงคันเดียว”
จุดเด่นของ 993 Carrera S คันนี้คือเป็นรถปี 1997 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของ 993 และเป็น Porsche Air-Cooled รุ่นสุดท้ายก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น 996 ออฟชั่นและเทคโนโลยีหลายอย่างจึงถูกจัดเต็มไม่ต่างกับตัวเทอร์โบ
“ถ้าสังเกตนอกจากสีพิเศษแล้วจะมี 3 จุดที่แตกต่างคือ ที่กระจกมองข้าง มือจับประตู และกริดของช่องระบายความร้อนด้านท้ายที่จะพ่นเป็นสีเทามาจากโรงงาน และตัวรถก็จะโมดิฟายช่วงล่างเป็นสปอร์ตแบบเดียวกับตัวเทอร์โบ มีการลดความสูงของตัวรถมาเรียบร้อยแล้ว”
“เจ้าของเดิมของรถคันนี้เป็นคนมีอายุแล้ว ตอนไปเจอครั้งแรก รถถูกจอดไว้ใต้ต้นมะม่วงร่วม 10 ปี เปิดฝากระโปรงมามีใบไม้เต็มไปหมด แต่มันก็ทำให้เราได้รถที่เดิม ๆ จริง ๆ ตอนได้มาเลขไมล์น้อยมากแค่หมื่นกว่ากิโลเมตร แต่ผมเห่อมาก ขับแทบทุกวัน ตอนนี้เลขไมล์เลยอยู่ประมาณสองหมื่นห้าพันกิโลเมตรแต่ก็ถือว่าน้อยอยู่ดีสำหรับรถที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 1997”
เมื่อตามหาจิ๊กซอว์ในฝันจนเจอ 993 Carrera S จึงถูกส่งไปเข้าโปรแกรม Porsche Classic กับบ้านเดิมของมัน นั่นก็คือที่ AAS ด้วยการเก็บรายละเอียดสี และภายในต่าง ๆ ใช้เวลาทั้งหมดกว่าครึ่งปีในการรอคอย
“ครึ่งปีนี่ผมว่าไม่นานนะครับ กับการทำรถคลาสสิก บางคันผมรออะไหล่ ทำโน่นทำนี่อยู่สองปีครึ่งกว่าจะวิ่งได้ 993 Carrera S คันนี้ผมสั่งพวกมาลัยใหม่แต่ตรงรุ่นเดิมมาใส่ รวมทั้งสั่งหนังแท้ใหม่จากเยอรมนีมาให้ช่างในไทยเย็บเข้ากับโครงเบาะเดิม”
Classic Grey Full Leather คือรหัสสีของเบาะหนังและงานฟินิชชิ่งภายใน 993 Carrera S คันนี้ เป็นโทนสีเทาอ่อน ๆ ซึ่งเราว่ามันลงตัวมากกับรถสีม่วง Vesuvio Metallic ทำให้รถคันนี้ดูมีสองบุคลิกในคันเดียว ซึ่งเท่าที่ลำพังแค่สีพิเศษของ Porsche คันนี้ก็ทำให้ราคาค่าตัวของมันในวันผลิตแพงกว่ารุ่นสีปกติเกือบล้านบาท
สำหรับคุณต๋องแม้จะชอบเก็บรักษา Porsche ในสไตล์ออริจินัล แต่รถทุกคันของเขาก็ต้องมีซุ่มเสียงของเครื่องยนต์ที่ฟังเพราะ นั่นทำให้ทุกคันต้องใส่ชุดท่อไอเสีย Porsche Sport Exhaust System ทั้งสิ้น
“อันนี้ก็คงแล้วแต่ความชอบ บางคนชอบให้มันดังตลอด ก็ไม่ต้องมีครับ แต่ถ้าอยากได้เสียงท่อแบบหลาย ๆ อารมณ์ แบบว่าวันนี้อยากฟังเสียงท่อ หรือวันนี้ อยากขับในเมืองแบบชิว ๆ ก็ปรับได้”
ภารกิจของการตามฝันของคุณต๋องนั้นยังไม่หยุดลงเพียงแค่ 993 Carrera S คันนี้เท่านั้น ถึงวันนี้เขาก็ยังมี 964 อีกสองคัน รวมทั้ง 930 Turbo Impact Bumper รถที่เคยเป็นโปสเตอร์ติดข้างฝาตอนวัยเยาว์ ซึ่งพึ่งได้มาใหม่หมาด ๆ และอยู่ระหว่างการบูรณะ ซึ่ง GT Porsche ก็ขออนุญาตจองเป็นคิวต้น ๆ รอรีวิวในโอกาสต่อไป
“คันที่เปิดประทุนก็ทำปีกว่า พอทำเสร็จก็มีคันใหม่มาให้ทำต่อทุกปี เหมือนมีการบ้านต่อกันไป Porsche คงเป็นงานอดิเรกของผม แต่ละคันที่ได้มาก็ดวงล้วน ๆ เหมือนสาวที่จะมาเป็นเนื้อคู่กัน บางคันตามจีบนานถึง 4 ปี ผมตั้ง Schedule ไว้ในมือถือเลย ทุกหกเดือนจะโทรไปสอบถามเจ้าของเขาครั้งนึง”
“สำหรับผม Porsche ไม่ใช่รถสปอร์ตที่แรงที่สุดในตลาด ผมเคยไปลองซุเปอร์คาร์ของอิตาลีก็ยอมรับว่าเขาแรงจริง แต่มันไม่ใช่เรา ผมว่า Porsche ดูเรียบ เข้าถึงง่ายกว่า มีความแคชชวล และเพื่อนในกลุ่มที่ขับ 911 ทุกคนเป็นกันเองมาก”คุณต๋องบอกกับเรา
“โดยปกติวันธรรมดาผมแทบไม่ได้ขับรถ จะได้ขับก็วันอาทิตย์ช่วงเช้า หรือบ่าย ๆ ผมก็จะหมุนเวียนเอาออกไปขับให้ครบทุกคัน แต่ผมมีความสุขที่ซ่อมและได้เห็นมันสตาร์ท เปิดแอร์และพยายามวิ่งให้ครบ Porsche เป็นรถที่ดูแลน้อยมาก ไม่จุกจิก แต่ตอนนี้ทุกคันก็อายุ 30-40 ปี บางคันก็อายุมากกว่าผม ถ้าวันหยุดบ้านอื่นเขาพาลูกไปออกกำลังกาย Porsche ก็เหมือนลูกชายผมอีกคนก็ต้องพาไปวิ่งบ้างจะได้แข็งแรง”
Leave a Reply