Porsche 997 Speedster – Less is more

ยามเช้าตรู่บนสันเขื่อน อ่างเก็บน้ำวังบอน จังหวัดนครนายก ผมมาที่นี่เพราะบรรยากาศดี สงบเงียบ ไม่วุ่นวายมองเห็นทิวไม้เขียวขจี กับสายหมอกบางผมคิดว่าพื้นที่กึ่งโลกกึ่งสวรรค์แบบนี้แหละที่เหมาะกับ Porsche 997 speedster สีขาวคันนี้เป็นอย่างมาก

ผมชอบสุ้มเสียงของรถคันนี้ที่มีเอกลักษณ์ เวลามันสะท้อนช่องเขาแคบๆ กลับมาก็ทำให้เราได้สัมผัสว่า อืมนี่แหละปอร์เช่ ยิ่งยามที่จอดแล้วเปิดหลังคาออกแล้วมีสายลมโอบล้อมตัวผมเอาไว้ ผมรู้เลยว่าทำไม เจมส์ดีน ถึงชอบใช้ Speedster ในตำนานของ 911

นี่คือปอร์เช่คันแรกของชีวิตผม แม้ในชีวิตตัวผมเองจะเคยใช้รถผ่านมือมาหลายยี่ห้อ ตั้งแต่ ซูเปอร์คาร์คลาสสิกของอิตาลี คลาสสิกคาร์จากเยอรมัน แต่เหตุผลที่มันมาลงตัวกับปอร์เช่คันนี้เป็นเรื่องของสิ่งละอันพันละน้อย รวมถึงเพื่อนๆ ร่วมงานในบริษัท Triton ที่หลายคนก็เทใจมาเป็นสายปอร์เช่กันหมด

ผมเป็นคนเลือกใช้รถแต่ละคันตามแต่ละเหตุการณ์ ก็เลยคิดว่าถ้าจะเลือกเข้ามาหาปอร์เช่สักคันก็น่าจะมีอะไรบางอย่างที่ที่เป็นความเชื่อมต่อของเรากับตัวรถ ที่สำคัญมันควรจะเข้ากับบุคลิก และสไตล์ของผม ที่ชอบอะไรแบบเซอร์เรียลแต่ก็ต้อง Grooming ซ่อนความเนี้ยบเอาไว้ในทีด้วย จะเรียบๆ ก็ได้แต่ต้องไม่ธรรมดา

พอมาเห็น 997 speedster คันนี้เข้าก็รู้สึกชอบทันที เพราะเวลาเปิดหลังคาออกแล้วมันแบนกว่าปอร์เช่ทุกคัน ผมจึงเริ่มศึกษาที่มาของรถรุ่นนี้จึงได้รู้ว่า speedster นั้นเป็น Rare item ของปอร์เช่ เพราะ 997 รุ่นนี้ผลิตมาแค่ 356 คัน เพราะเขาสร้างขึ้นมาเพื่อระลึกถึง Porsche 356 speedster รถที่เจมส์ ดีนเคยใช้

Speedster เป็นรถที่มีตำนาน มันถูกแยกออกมาจากปอร์เช่ทั่วไป เวลามองไปก็ดูเหมือนปอร์เช่ธรรมดาแต่มีความพิเศษ ผมชอบหลังคาของรุ่นนี้ แบบว่าจะ automatic ก็ไม่ใช่จะ Manual ก็ไม่เชิง ชอบวิธีการเปิดหลังคาที่ทำให้เราทัชกันระหว่างเจ้าของกับรถ คือคุณไม่ใช่แค่กดปุ่มอย่างเดียว แต่คุณต้องลงไปเรียนรู้กับมัน ขั้นตอนวิธีปิดเปิดหลังคาจะมี 8 ขั้นตอน ซึ่งปอร์เช่เขาทำเป็นคู่มือเอาไว้ให้เลยเพื่อไม่ให้เจ้าของรถสับสน ซึ่งเวลาเปิดหลังคาก็สามารถทำคนเดียวได้เพราะมันมีโช๊คอัพช่วยผ่อนแรงแต่ว่าไม่ใช่ไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งถ้าคุณทำผิดก็ตองย้อนกลับมาเริ่มใหม่ ดูเหมือนจะเสียเวลาหน่อย แต่ทำให้หลังคามีน้ำหนักเบา และรถมีการทรงตัวที่ดี

356 คันที่เจมส์ ดีน เคยใช้วางเครื่องบ๊อกเซอร์ 1.6 ลิตร 112 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 4 จังหวะ วิ่งสุดไมล์ได้ 160 แต่พละกำลังเหล่านั้นเทียบไม่ได้เลยกับ Porsche 997 speedster คันนี้ เพราะมันใช้เครื่องตัวเดียวกับที่วางใน Carrera GTS มีกำลังสูงถึง 408 แรงม้า เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 4.2 วินาที  และท๊อปสปีดเกิน 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ปกติ 997 Speedster ส่วนใหญ่ที่เห็นกันคือสีฟ้า แต่เขาก็มีสีขาวแบบนี้ผลิตออกมาด้วยแต่น้อยกว่า เป็นสีขาว Carrara White ผมชอบเบาะของรุ่นนี้ที่เขาทำพื้นเบาะสีดำ และตรงที่นั่งเป็นตารางหมากรุกดำขาว พอมาตัดกับตัวรถสีขาวแล้วมันลงตัวมาก

997 speedster คันนี้ดูแบนกว่าปอร์เช่รุ่นอื่น ส่วนหนึ่งผมว่ามันน่าจะมาจากการที่ปอร์เช่ลดระดับกระจกหน้าของ 997 speedster ลงอีก 6 เซนติเมตร รวมทั้งหลังคาแบบ Double-bubble และตัวรถที่มีความกว้างขึ้น เวลามองมุมลาดจากด้านท้ายขึ้นมาถึงโรลบาร์ ผมจะรู้สึกว่ารถมันเรโทรเหมือนรถแข่งเปิด Le Mans ยุค 70 Speedster และถึงจะเปิดประทุนแบบนี้แต่ด้านหลังเบาะเหนือศรีษะคนขับ ปอร์เช่เขาก็มี  Rollover Protection ติดตั้งมาให้ด้วย

ทุกๆ คนที่รู้จัก พอเห็นรถคันนี้มักจะถามถึงตัวเลข 8 ข้างตัวรถ ว่ามีที่มาอย่างไร มีประวัติศาสตร์อะไรกับปอร์เช่หรือเปล่า ผมขอตอบตรงนี้เลยนะครับ ว่ามันไม่เกี่ยวกับปอร์เช่หรอก แต่มันเกี่ยวกับผม (หัวเราะ) เพราะเลข 8 เป็นเลขวันเกิดของผม และรถคันนี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับเลข 8 อยู่ไม่น้อย เริ่มจากมันเป็น speedster คันที่ 348 และเป็น 8 คันสุดท้ายในไลน์ผลิตของรุ่นที่มีเพียง 356 คัน ซึ่งจะสังเกตุได้จากเพลทที่ประทับเลขลำดับจาก Porsche Plant Leipzig ทีท่มุมด้านซ้ายของคอนโซลหน้า

ปกติผมก็ไม่ใช่คนขับรถเยอะนะครับ เป็นคนที่ชอบขับแบบสบายๆ มากกว่า แต่พอมาลอง Speedster คันนี้ ผมกลับรู้สึกว่าปอร์เช่เป็นรถแรงที่ขับง่าย คุณสามารถคว้ากุญแจออกไปขับได้ทุกวัน โดยเฉพาะเกียร์ PDK 7 จังหวะมันทำให้รถหลายร้อยแรงม้าคันนี้เป็นมิตรกับถนนในเมืองมากขึ้น

สำหรับรถบางคันมันคืองาน Sculpture art ซื้อเอามาวางในบ้านเฉยๆ ก็ยังสวย แต่นั่นไม่ใช่ผมกับ 997 Speedster คันนี้ ผมเก็บเหมือนกันคือเก็บไว้ ไม่ขาย แต่ใช้งานจริง พยายามจะใช้ทุกครั้งที่มีโอกาส ปกติก็ขับเสาร์อาทิตย์ และก็เคยเอาไปออกทริปกับกลุ่มปอร์เช่ด้วย คันนี้เคยขับขึ้นเหนือไปถึงปาย แม่ฮ่องสอน ลงใต้ไปหนึ่งรอบก็ขับไปถึงภูเก็ต

ความสำเร็จตรงนี้ต้องยกนิ้วให้กับปอร์เช่เขานะที่สามารถนำประติมากรรมมารวมกับวิศวกรรมได้ ในความสวยของมัน มีทั้งเกียร์ PDK7 จังหวะ มีระบบความคุมช่วงล่างด้วยอิลเคโทรนิกซ์ PASM และเบรกคาร์บอนเซรามิก ทำให้ มัน ขับได้ลื่นไหลมากๆ นี่แหละครับ ความคูลๆ แบบ less is more ของ Porsche Speedster ซึ่งต่อให้ผ่านกาลเวลาไปกี่ปี มันก็ยังมีเสน่ห์ดึงดูดหนุ่มๆ อย่างเราได้ตลอดเวลา

Share

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *